“ทุกคน...ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ การเป็นหนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด คนเราเป็นหนี้ได้ เพียงแต่ต้องก่อหนี้ในจำนวนที่เหมาะสมและมีความสามารถในการชำระหนี้คืนได้”
มุมคิดเรื่องหนี้จาก “อนุตม์ กรกำแหง” ประธานกรรมการ บริษัท ลีกัล คอนเน็กท์ จำกัดซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการด้านกฎหมายและติดตามเร่งรัดหนี้สิน ที่ปัจจุบันกำลังดูแลบริหารพอร์ตหนี้ที่มีมูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท
การทำธุรกิจด้านที่ปรึกษากฎหมาย และเร่งรัดติดตามหนี้สิน อาจจะดูเป็นงานที่หลายคนมองว่ายาก และไม่น่าสนใจ แต่สำหรับลีกัล คอนเน็กท์ นี่คืองานที่สามารถสร้างคุณค่าได้ด้วยตัวเอง จากแนวคิดหรือวิสัยทัศน์ของทีมผู้บริหารที่ถือเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ นั่นคือ ความต้องการที่จะนำความรู้ทางกฎหมายมาให้คำแนะนำ และแก้ไขปัญหาหนี้ ให้แก่สถาบันการเงิน และลูกหนี้อย่างเหมาะสม จึงทำให้งานเร่งรัดและติดตามหนี้สินของลีกัล คอนเน็กท์ กลายเป็นการทำงานเชิงบวก โดยเน้นการสร้างความเข้าใจ และให้ข้อมูลที่แท้จริงแก่ลูกหนี้ถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้น เช่น การนำเสนอข้อดีของการชำระหนี้ และข้อเสียหากต้องถูกฟ้องคดีหรือบังคับคดี เพื่อให้ลูกหนี้ได้พิจารณาตัดสินใจในการชำระหนี้ด้วยตนเอง โดยไม่ได้ชักจูงหรือบังคับให้ลูกหนี้ต้องจ่ายหนี้
งานติดตามหนี้เป็นงานที่ยาก?
จากประสบการณ์ทำธุรกิจนี้ พบว่ามีทั้งส่วนที่ยากและไม่ยาก เนื่องจากงานเร่งรัดหนี้สินจะมีสองส่วนสำคัญได้แก่ ส่วนงานทางด้านกฎหมาย คืองานฟ้องคดี บังคับคดี และอีกส่วนงานหนึ่งคือ คอลเซ็นเตอร์ หรืองาน Collector ที่จะทำหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อลูกหนี้เพื่อแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาชำระหนี้ และข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อให้ลูกหนี้ใช้ตัดสินใจชำระหนี้เข้ามา
“ส่วนใหญ่ทุกคนก็มีปัญหา บางคนก็ไม่มีปัญหาลูกหนี้จะมีเหตุผลต่าง ๆ แต่พอเขารู้ว่ามันอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายที่อาจจะถูกดำเนินคดี เขาก็จะหาทางแก้ไขปัญหา ซึ่งการชำระหนี้ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาในทางกฎหมายตามมา ซึ่งเงื่อนไขการชำระหนี้ ก็เป็นนโยบายมาจากทางผู้ว่าจ้างเราคือสถาบันการเงิน ซึ่งจะมีเงื่อนไขกำหนดไว้ และเราก็จะใช้เงื่อนไขตรงนี้ในการพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกหนี้ว่าจะสามารถชำระหนี้ได้อย่างไร อาจจะผ่อนจ่ายได้ กี่งวดก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทางผู้ว่าจ้าง” อนุตม์ กรกำแหง กล่าว
ติดตามหนี้ช่วงโควิดไม่ยากอย่างที่คิด กลับได้ฐานลูกหนี้ที่มีวินัย
ช่วงสถานการณ์โควิดที่ทำให้หลายคนประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและมีหนี้เสีย แต่การติดตามหนี้ของลีกัล คอนเน็กท์ กลับได้เห็นมุมที่แตกต่าง ซึ่งอนุตม์ได้เล่าให้ฟังว่า มีเหตุผลหนึ่งที่เขาในการทำงานเร่งรัดหนี้สินว่าคนที่เป็นหนี้นั้น อาจจะเกิดหนี้จากหลายสาเหตุ เช่น การขาดวินัยทางการเงิน หรืออาจจะมีปัญหาส่วตัวฉุกเฉินทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์โควิดขึ้นจึงมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีวินัยทางการเงินแต่ได้รับผลกระทบจากโควิด หลุดมากลายเป็นกลุ่มหนี้เสีย ซึ่งคนกลุ่มนี้ยังคงมีวินัยและพยายามจะชำระหนี้ให้ได้
“ความมีวินัยของเขายังมีอยู่ เพราะฉะนั้น ภาระอะไรที่เขามีเขาก็ยังต้องจ่ายและอยากจะจ่าย ซึ่งอาจจะเป็นการผ่อนจ่าย หรือบางรายก็ขอปิดหนี้ด้วยซ้ำ พูดง่าย ๆ ก็คือแต่เดิมนั้นฐานของคนเป็นหนี้เสียส่วนใหญ่อาจจะมาจากการขาดวินัยทางการเงิน แต่พอมีปัญหาโควิด มันทำให้มีคนอีกกลุ่มที่เป็นหนี้เสียจากปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องการขาดวินัย ซึ่งหากคนกลุ่มนี้จะต้องถูกฟ้องคดีหรือถูกบังคับคดีมันก็ไม่เป็นผลดีสำหรับเขา เขาก็เลือกที่จะเคลียร์หนี้ตรงนี้เลยกลายเป็นว่าเราได้กลุ่มฐานลูกหนี้ที่มีวินัย หรือที่มีฐานะทางการเงินที่สูง เพิ่มเข้ามาด้วยและกลุ่มนี้จะเป็นหนี้เสียเพียงชั่วคราว”
ธุรกิจรอดในสถานการณ์วิกฤตเพราะใช้หลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นับเป็นความโชคดีที่อนุตม์ได้เริ่มต้นการทำงานและเติบโตมาในสายงานกฎหมาย ทำให้เมื่อธุรกิจของเขาเริ่มขยับขยายเติบโต เขาจึงตระหนักว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้ความถนัดในสายงานบริหาร จึงต้องเติมความรู้ในด้านนี้โดยเข้าไปเรียนรู้ในโครงการพัฒน์ (Plus+) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมูลนิธิดั่งพ่อสอน โดยจะเป็นการเรียนรู้เรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ของรัชกาลที่ 9 แล้วนำมาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งหลังจากที่เรียนไปได้ประมาณ 6 เดือน ก็เป็นช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิดพอดี ทำให้ได้นำองค์ความรู้มาปรับใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจในการก้าวผ่านห้วงเวลาดังกล่าวมาได้ด้วยดี
“พอเราเข้าใจเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้การบริหารจัดการงานทุกอย่าง เราจะค่อนข้างประมาณตน คำว่าประมาณตนทำให้การใช้จ่ายทุกอย่าง การแก้ปัญหาทุกอย่างมันมีจุดที่อยู่บนความพอดี เราเลยค่อย ๆ ทำอะไรไปทีละอย่างด้วยความระมักระวังในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ธุรกิจเราก็ได้รับผลกระทบบ้างซึ่งเป็นไปตามภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่เราก็เป็นธุรกิจที่ยังสามารถบริหารจัดการงานได้ดี สามารถจ่ายโบนัสให้พนักงานได้ ไม่ได้เลิกจ้างพนักงานเลยและยังสามารถปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานได้ อย่างช่วงกลางปีนี้พอเราเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เราก็ปรับเงินเดือนพนักงานขึ้น 3%ทันที เพื่อบรรเทาปัญหาความเป้นอยุ่ให้พนักงาน เราต้องพยายามบริหารให้มันอยู่ในจุดที่หาความสมดุลให้ได้” อนุตม์ กรกำแหง กล่าว
สร้างคุณค่าให้ธุรกิจด้วยเนื้องาน และสร้างโอกาสสู่สังคมด้วยโครงการ “ตัดเสื้อน้องแต่พอตัว”
การเรียนรู้ในโครงการพัฒน์ นอกจากจะได้ความรู้ด้านการตลาด และการบริหารจัดการธุรกิจ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่มาขับเคลื่อนแล้วยังมีงานสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้นั่นคือ การจัดทำโครงการ CSRเพื่อจะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับด้านการศึกษา โดยให้ผู้เรียนที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดทำโมเดลเพื่อแก้ปัญหาใน 5 ด้าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 และครู
“โครงการตัดเสื้อน้องแต่พอตัว” คือหนึ่งในโมเดลดังกล่าวเป็นการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในด้านเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม โดยมุ่งเน้นไปที่โรงเรียนขนาดเล็กในสังกัด สพฐ. ซึ่งมักจะขาดการสนับสนุนด้านต่าง ๆ และโรงเรียนที่เป็นโมเดลตัวอย่างก็คือ โรงเรียนวัดคลองโมง หมู่ที่ 2 บ้านคลองโมง ต.องครักษ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ซึ่งลีกัล คอนเน็กท์ ได้ร่วมสนับสนุนให้เกิดโครงการนี้ โดยเริ่มต้นจากการมองเห็นปัญหาว่าเด็ก ๆ มีชุดนักเรียนที่สวมใส่ขนาดใหญ่ ไม่พอดีกับตัว เพราะผู้ปกครองต้องซื้อเผื่อ รวมไปถึงการที่เด็กไม่มีชุดนักเรียนจำนวนเพียงพอกับการใช้งาน หรือมีชุดนักเรียนที่คับเกินไป หรือบางคนไม่มีชุดนักเรียนเลยโครงการตัดเสื้อน้องแต่พอตัวจึงได้เข้ามาสนับสนุนโดยการนำโมเดลเรื่องสหกรณ์นักเรียนเข้ามาเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหา และสร้างกองสวัสดิการเครื่องแบบนักเรียนที่อยู่ภายใต้สหกรณ์ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เข้ามายืมชุดไปใช้ตามขนาดตัว โดยสามารถยืมได้จำนวน 3 ชุดต่อเทอม ซึ่งเด็กในวัยประถมฯ จะโตค่อนข้างเร็วทำให้ผู้ปกครองต้องซื้อชุดนักเรียนใหม่แทบทุกปี ดังนั้นโครงการนี้นอกจากจะช่วยให้เด็ก ๆ มีชุดนักเรียนที่ใส่พอดีตัวและมีจำนวนใช้งานที่พียงพอแล้ว ยังช่วยลดภาระของผู้ปกครองในการซื้อชุดนักเรียนใหม่ด้วย
ทั้งนี้ โรงเรียนใดที่สนใจโมเดลนี้และอยากเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08-0995-4245 และ 08-1825-3280 อีเมล tadesuenong@gmail.com
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี