ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทลขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน เดินหน้าภารกิจส่งต่ออาหารส่วนเกินผ่านโครงการ “Food For Good Deed อาหารปันสุข” ปีที่ 4 ส่งมอบอาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพจากท็อปส์ มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์,แฟมิลี่มาร์ท 129 สาขาทั่วประเทศ และ ศูนย์กระจายสินค้าอาหารสด ให้กับ 700 ชุมชนที่ขาดแคลน ผ่านความร่วมมือกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS Thailand)ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นตัวกลางในการร่วมจัดการอาหารส่วนเกิน ช่วยโลกลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการจัดการขยะอาหารได้มากถึง 1.5 ล้านกิโลกรัม พร้อมประกาศเจตนารมณ์เป็นองค์กรค้าปลีกสีเขียว สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าลดการเพิ่มปริมาณขยะอาหาร หรือ อาหารส่วนเกินจากการดำเนินธุรกิจให้เป็นศูนย์ พร้อมดันทุกสาขาเข้าร่วมโครงการ
นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุลรองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ท็อปส์ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะอาหารถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต และไม่ควรถูกทิ้งอย่างสูญเปล่า จากการประเมินขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พบว่า 1 ใน 3 ของอาหารถูกทิ้งเป็นขยะอาหารหรือประมาณ 1.6 พันล้านตันต่อปี ในขณะที่ผู้คนยังต้องเผชิญกับปัญหาความหิวโหยและการขาดแคลนอาหาร ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจังเพราะนอกจากจะขจัดความหิวโหยแล้วยังช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการสะสมของขยะอาหารทำให้เกิดการเน่าเสียปล่อยก๊าซมีเทนที่มีศักยภาพเป็นก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้โลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า รวมถึงการฝังกลบนอกจากสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ก่อให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมมากมาย
ท็อปส์ มุ่งมั่นและมีวิสัยทัศน์เป็นองค์กรค้าปลีกสีเขียว มีเป้าหมายสู่การกำจัดขยะอาหารให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ผ่านการบริจาคอาหารส่วนเกิน ภายใต้โครงการ “Food For Good Deed อาหารปันสุข” ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยกระบวนการหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของโครงการ คือ การบริหารจัดการอาหารส่วนเกินตั้งแต่ต้นทางสู่ปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ตั้งแต่การฝึกอบรมพนักงาน เริ่มต้นจากการคัดเลือกอาหารที่ยังรับประทานได้ ได้แก่ เบเกอรี่,ผักและผลไม้ทุกชนิด, ผลิตภัณฑ์จากนม, อาหารสำเร็จรูปและเครื่องปรุงต่างๆ โดยพนักงานของ ท็อปส์ และ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ SOS Thailand จะร่วมกันตรวจสอบคุณภาพอาหารอย่างละเอียดตามมาตรฐานที่กำหนด พร้อมขนส่งโดยรถที่ควบคุมอุณหภูมิ นำส่งถึงชุมชนเป้าหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับมอบอาหารส่วนเกินจะได้รับอาหารที่มีคุณภาพดีที่สุด
ด้าน นายเจมส์ เลย์สัน กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ กล่าวว่า มูลนิธิฯ มีภารกิจสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยแนวคิดการจัดการอาหารส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และช่วยเหลือผู้คนที่ประสบปัญหาความหิวโหยในทั่วโลกจึงได้ร่วมมือกับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนภาคอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน รวมถึง ท็อปส์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจด้านอาหารที่ให้การสนับสนุนและตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาขยะอาหารอย่างยั่งยืน ด้วยการส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ดีมีคุณภาพให้กับมูลนิธิฯ เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ขาดแคลนและด้อยโอกาสในสังคมไทย ซึ่งตลอดระยะเวลาของการดำเนินโครงการ “Food For Good Deed อาหารปันสุข” ได้สร้างผลประโยชน์ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากขึ้น การขยายพื้นที่ช่วยเหลือให้ชุมชนที่กว้างขึ้น ตลอดจนการสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างพันธมิตรเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน และสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายขององค์การพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้กำหนดให้ขยะอาหารเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในปี ค.ศ. 2030 อีกด้วย
ล่าสุด ท็อปส์ ได้ร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ จัดกิจกรรมครัวชุมชน “ท็อปส์ อาหารปันสุข” ร่วมกับกลุ่มผู้อาศัยในชุมชนมั่นคง 133 กรุงเทพมหานครนำอาหารส่วนเกินทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์จากศูนย์กระจายสินค้าอาหารสด (Fresh Distribution Center) มาเปลี่ยนเป็นมื้ออาหารพร้อมทานที่มีคุณภาพ จำนวน 2,300 กล่อง โดยนำไปมอบให้กับกลุ่มผู้พิการ ผู้เปราะบางและผู้มีรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในชุมชนมั่นคง133, ชุมชนริมคลองบางบอน 5 และ ชุมชนไม่จัดตั้ง ซอย 51 เขตบางบอน กรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สมาชิกในชุมชนได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้สมาชิกในชุมชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าวด้วย