ผลการวิจัยเชิงลึกของ WGSN (World Global Style Network) ได้คาดการณ์แนวโน้มของผู้บริโภคในช่วง 18-24 เดือนที่มีความแม่นยำกว่า 90% เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์การจัดอันดับเทรนด์ด้านความงามในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่า สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกประเทศในเอเชียต่างให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความปลอดภัยและความเป็นของแท้ของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีสินค้าลอกเลียนแบบและกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานก่อให้เกิดปัญหาที่เป็นอันตราย
สำหรับประเทศไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพผิวเป็นอันดับแรก เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจเวชสำอางที่มี
ส่วนผสมของสมุนไพรที่สะอาด และเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยยังกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีนวัตกรรมที่น่าเชื่อถือ และมีจริยธรรม
คริสติน ชัว นักวิเคราะห์ด้านความงามของ WGSN กล่าว “สุขภาพ เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอันดับแรกของผู้บริโภค
ชาวไทย การสร้างสูตรที่สะอาดและปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแบรนด์ความงาม ซึ่งควรให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับและความโปร่งใสเป็นกลยุทธ์หลัก เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยคาดหวังว่าจะได้เห็นความโปร่งใสในการจัดหาผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์”
WGSN เผย 7 อันดับเทรนด์ความงามที่คนไทยให้ความสำคัญสูงสุด ได้แก่ 1.การตรวจสอบย้อนกลับและความโปร่งใส : สูตรผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัยเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น ขณะเดียวกัน การศึกษาก็มีความสำคัญเช่นกัน ผู้บริโภคชาวไทยพยายามเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับส่วนผสมต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากใน 70% ของผู้บริโภคชาวไทยมีความรู้เกี่ยวกับส่วนผสมสำคัญ เพียง 3 ใน 10 อย่างเท่านั้น และหวังว่าผู้ค้าปลีกจะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างทางความรู้นี้
2.ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ : แบรนด์ความงามที่ได้รับการสนับสนุนจากแพทย์ผิวหนังจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากความเชี่ยวชาญและการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ นอกจาก สูตรผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
ที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอดแล้ว ส่วนผสมจากนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ก็เริ่มได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้น
3.การดูแลความงามแบบองค์รวม : กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่เพิ่มมากขึ้นยังคงแสวงหาการดูแลความงามตั้งแต่หัวจรดเท้าและผลิตภัณฑ์ดูแลตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผมร่วงเป็นปัญหาด้านความงามที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของผู้บริโภคชาวไทย
4.ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพ : ระดับความเครียดและความเหนื่อยล้าที่เพิ่มสูงขึ้นผลักดันให้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพเป็นที่ต้องการของตลาด ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล เช่น น้ำมันนวด แช่เท้า เทียนหอม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและร่างกายผสมอโรมาเธอราพีได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ในขณะที่ การใช้จ่ายเพื่อทรีตเมนต์แบบมืออาชีพ สปา และการพักผ่อนเพื่อสุขภาพก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
5.ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทุกเพศและผลิตภัณฑ์สำหรับเพศใดเพศหนึ่ง : ผู้ชายไทยกำลังพัฒนาความต้องการทางสินค้าและบริการด้านความงามที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องและซับซ้อนขึ้น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทุกเพศคาดว่าจะได้รับความนิยมสูงขึ้น ผู้บริโภคที่มีความรู้ในผลิตภัณฑ์ต่างกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสูตรเฉพาะที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้อย่างตรงจุดมากกว่าการมองหาสินค้าสำหรับเพศใดเพศหนึ่ง นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นเสมือนบ้านสำหรับชุมชนคนข้ามเพศจำนวนมาก ผลิตภัณฑ์สำหรับปัญหาผิวขาดน้ำและผมร่วงซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนจึงเป็นที่ต้องการและเปิดโอกาสให้แบรนด์และผู้ค้าปลีกก้าวเข้ามาเติมเต็มตลาดที่ยังขาดแคลนผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้อยู่
6.การทดลองซื้อ : จำนวนผู้มีเงินจับจ่ายใช้สอย และการใช้ช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจในนวัตกรรมเพิ่มขึ้น โดยผู้บริโภคชาวไทยร้อยละ 81 วางแผนที่จะใช้จ่ายมากขึ้นหรือเท่าเดิมกับความงาม โดยเฉพาะแบรนด์ใหม่ๆ ที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดี นอกจากนี้ แบรนด์ในประเทศยังใช้ประโยชน์จากความภูมิใจในอัตลักษณ์ของประเทศ โดยใช้ศิลปะ อาหาร และมรดกไทยเป็นแรงบันดาลใจให้กับการสร้างและออกแบบผลิตภัณฑ์
7.การคำนึงถึงชุมชน: ผู้บริโภคชาวไทยที่มีสำนึกต่างมองหาแบรนด์ที่เติมเต็มความเชื่อในสังคมที่ดีกว่าวันนี้และ
วันวาน (Protpian) เพื่อสร้างประโยชน์ต่อผู้อื่นและโลกใบนี้รวมถึงตัวพวกเขาเอง ตัวอย่างเช่น แบรนด์ความงามจากฟาร์มสู่ผิว (farm to face) แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ใช้ทุกส่วนของมะรุม ทั้งใบ กิ่ง และเมล็ด โดยไม่ทิ้งส่วนใดไว้เป็นขยะ มะรุมได้รับการเก็บเกี่ยวแบบออร์แกนิกเป็นชุดเล็กๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ดินทำงานหนักจนเกินไป และช่วยให้เกิดการค้าที่เป็นธรรมสำหรับครอบครัวของคนในท้องถิ่นที่แบรนด์เป็นพันธมิตรด้วย
อย่างไรก็ตาม โซเชียลมีเดียและอี-คอมเมิร์ซได้เปลี่ยนแปลงวิถีของผู้บริโภคชาวไทยกับการค้นพบแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ด้วยจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ประเภทลดริ้วรอย (anti-aging) จึงเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับแบรนด์และผู้ค้าปลีก ในขณะเดียวกัน ครีมและโลชั่นกันแดดยังคงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเขตร้อนที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนตลอดทั้งปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี