นักท่องเที่ยวที่มาเยือนพระราชวัง Nymphenburg สามารถเผื่อเวลามาทั้งวันทั้งนี้เพราะ นอกจากพระราชวังแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นได้อีกด้วย อาทิ Amalienburg ที่นี่จะว่าไปก็อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับพระราชวัง แต่อยู่กลางสวนไปทางทิศตะวันตกโดยห่างไปเพียง 500 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าไปได้ในเวลาเพียงแค่ 7 นาที ยิ่งในฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิ เรียกได้ว่ายังไม่ทันเหงื่อออกก็ถึงแล้ว ระหว่างทางมีดอกไม้และต้นไม้ใหญ่มากมาย ร่มรื่น เดินได้ไม่เบื่อ
ในปี 1734 Karl Albrecht ผู้ปกครองมิวนิคในยุคนั้นได้เริ่มต้นสร้าง Amalienburgไว้สำหรับเป็นที่ประทับเพื่อล่าสัตว์สำหรับ Maria Amalia พระราชธิดาของจักรพรรดิ Joseph Iภรรยาของเขาโดยสร้างอยู่ตรงข้ามตึกMagdalenenklaus บ้านพักตามชื่อเจ้าของบ้านที่ปลูกสร้างตามแนวทางศิลปะแบบ Rococo อย่างวิจิตรพิสดารที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปแห่งนี้ถูกออกแบบด้านสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในโดยช่างและสถาปนิกที่ทำงานในแคว้นบาวาเรียในช่วงเวลานั้น อาทิ Francois Cuvilliesthe Elder สถาปนิกชาวเบลเยียม ส่วนตกแต่งปูนปั้นได้รับการรังสรรค์โดย Johann Baptist Zimmermann จิตรกรยุครอคโคโคชาวเยอรมัน ส่วนงานไม้แกะสลักได้รับการสร้างสรรค์โดย Johann Joachim Dietrich ประติมากรและนักออกแบบยุครอคโคโคชาวบาวาเรีย และตกแต่งสีสันโดย Joseph Pasqualin Moretti สถาปนิกชาวอิตาเลียน
เมื่อเดินผ่านสวน นักท่องเที่ยวอาจเห็นว่าภายนอกของบ้านพักแห่งนี้ดูเรียบๆ คล้ายบ้านคหบดีทั่วไป แม้จะประดับด้วยโดมนิดเหน่อยก็ตาม แต่เมื่อย่างก้าวเข้าไปภายในจะเห็นความหรูหราอลังการที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นตั้งแต่ห้องแรก แต่ละห้องจะมีความแตกต่างกันตามอย่างแนวทางศิลปะรอคโคโคจากฝรั่งเศสที่เน้นความวิจิตรตระการตา ที่นี่มีห้องอยู่หลายห้อง อาทิ ห้องที่ใหญ่ที่สุดก็คือ Hall of Mirrors ที่ถือเป็นศูนย์กลางของบ้านพัก ส่วนทางใต้ประกอบด้วยห้องสีเหลืองหรือห้องนอน และห้องสีฟ้า ส่วนห้องล่าสัตว์ และห้องไก่ฟ้าหรือห้องอินเดียนจะอยู่ทางทิศเหนือ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีห้องแต่งตัวห้องเก็บปืน ห้องพักผ่อน และห้องครัวรวมอยู่ด้วยซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวได้ประสบการณ์กับการอยู่บ้านพักแบบนี้ของกษัตริย์หรือคหบดีอย่างแท้จริง
ห้องที่ตกแต่งสวยที่สุดก็คือ Hall of Mirrors ซึ่งสีหลักที่ใช้เป็นสีขาวและสีฟ้าตกแต่งด้วยเงินที่ได้รับการสะท้อนจากแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาเสริมความหรูหรา ส่วนห้องนอนก็เป็นอีกห้องที่มีการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงโดยใช้สีมะนาวเป็นพื้นตกแต่งด้วยปูนปั้นสีฟ้า สำหรับฝาผนังโดยรอบก็ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักฝีมือ Johann Joachim Dietrich นักประติมากรงานไม้ที่ฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค งานจิตรกรรมที่ตกแต่งเหนือเตียงนอนเป็นภาพของ Karl Albrecht ผู้ดำริสร้างบ้านพัก และภาพ Maria Amalia เจ้าของบ้านพัก
ห้องล่าสัตว์ติดกับห้องนอนตกแต่งเป็นห้องเล็กๆ ด้วยงานจิตกรรมยุครอคโคโคจากผลงานของ Peter Jakob Horemans ส่วนห้องไก่ฟ้าก็ตกแต่งด้วยบรรยากาศแบบต่างประเทศให้สมกับชื่อห้องโดยตกแต่งฝาผนังด้วยผ้าลินิน และขี้ผึ้งตามแนวทางศิลปะแบบจีน ส่วนห้องหมาและห้องปืนก็ตกแต่งด้วยงานจิตรกรรมเกี่ยวกับการล่าสัตว์ และถ้วยรางวัลจากการล่าสัตว์
นักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสเยี่ยมเยือนอย่างใกล้ชิดเพียงบางห้องเท่านั้น ห้องที่นักท่องเที่ยวชอบมากที่สุดคงไม่พ้นห้องที่หรูหราที่สุด นั่นคือ Hall of Mirrors แต่ห้องที่น่าเป็นที่ชื่นชอบรองลงมาไม่น่าจะเป็นห้องนอน แต่น่าจะเป็นห้องครัวมากกว่า เพราะมีผนังที่ตกแต่งหรูหราดูดีมีระดับ แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ยังไม่ทันสมัย แต่ที่สำคัญก็คือสามารถถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิดจนถึงกับแสดงเป็นแม่ครัวได้เองเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี