มะเร็งชนิดต่างๆ เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญทั้งระดับโลกและระดับประเทศ ปัจจุบันผู้คนมีความตระหนักเกี่ยวกับโรคมะเร็งมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้สามารถตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ตลอดจนการพัฒนายาเพื่อการรักษาและการป้องกันโรคมะเร็งก็ดีขึ้น ส่งผลให้อัตราการตายจากโรคมะเร็งลดลงเรื่อยๆ ตัวอย่างโรคมะเร็งที่อัตราป่วยและตายลดลงอย่างมากเทียบกับข้อมูลในอดีต คือ มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก (cervical cancer) ที่พบในเพศหญิงมากเป็นอันดับ 2 ถึงแม้ว่าจะพบน้อยกว่ามะเร็งเต้านมแต่อัตราการตายกลับสูงกว่า เพราะระยะที่ตรวจพบมะเร็งปากมดลูกมักจะรุนแรงกว่ามะเร็งเต้านม ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกมักเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ ได้แก่ การเริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนจำนวนมาก คู่นอนมีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยง การมีลูกคนแรกตั้งแต่อายุยังน้อย(น้อยกว่า 20 ปี) การมีลูกหลายคน การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน รวมถึงการสูบบุหรี่ ปัจจัยเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปากมดลูก
การที่มะเร็งปากมดลูกเกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ ก็เพราะส่วนใหญ่ของผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้ (มากกว่า 99%)ตรวจพบการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) นั่นเอง
เชื้อไวรัส HPV มีมากมายเป็นร้อยสายพันธุ์ นอกจากเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในทั้ง 2 เพศ คือ โรคหูดที่อวัยวะเพศ รวมถึงการเกิดมะเร็งที่เกี่ยวข้องได้อีกหลายชนิดในเพศชาย เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งศีรษะและคอ เป็นต้น
ข้อมูลชุดนี้จึงนำไปสู่การพัฒนาวัคซีน HPV ใช้ฉีดเพื่อลดความเสี่ยงการโรคข้างต้น ปัจจุบันวัคซีนแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ (1) วัคซีน 2 สายพันธุ์ หรือ bivalent (2) วัคซีน 4 สายพันธุ์ หรือ quadrivalent และ (3) วัคซีน 9 สายพันธุ์ หรือ 9-valent โดยสำหรับเพศหญิง สามารถฉีดเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ทั้ง 3 ชนิด แต่กรณีของเพศชาย การฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันโรคหูดที่อวัยวะเพศหรือมะเร็งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต้องใช้ชนิด 4 สายพันธุ์ขึ้นไป
อายุที่สามารถเริ่มฉีดได้คือ9 ปีขึ้นไป และถ้าจะให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดการฉีดวัคซีน ควรเริ่มตั้งแต่ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก สำหรับโปรแกรมฉีดวัคซีน เช่น จำนวนเข็มระยะห่างระหว่างแต่ละเข็มขึ้นอยู่กับอายุของผู้ได้รับวัคซีน ข้อมูลทางการวิจัยพบว่าวัคซีนสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงได้ประมาณ 70-90% ดังนั้น แม้ว่าจะได้รับวัคซีนครบแล้วก็ยังคงต้องมีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกต่อไปตามปกติ
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก คือ การเก็บเซลล์จากปากมดลูกไปตรวจวิเคราะห์ หรือที่รู้จักกันในนามของ Pap smear (Papanicolaou smear) ซึ่งอาจมีการตรวจการติดเชื้อ HPV เพิ่มเติมด้วย การตรวจ Pap smear จะทำให้พบความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกและจัดการกำจัดออกได้ก่อนเซลล์เหล่านี้เพิ่มจำนวนพัฒนาไปเป็นมะเร็งเต็มขั้น ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่เซลล์ผิดปกติจะเจริญไปเป็นมะเร็งเต็มขั้นใช้เวลาเป็นสิบปี ผู้หญิงที่อาจจะกลัวหรือไม่เห็นความสำคัญของการตรวจ Pap smear จึงเสียโอกาสกำจัดเซลล์มะเร็งออกไปตั้งแต่เริ่มมีการผิดปกติซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกมากๆ เช่น มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยกว่า 18 ปี มีลูกเร็ว เปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงด้านเพศสัมพันธ์ ยิ่งควรรับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ สำหรับในประเทศไทย อายุเริ่มต้นที่แนะนำให้ตรวจ Pap smear คือ 30-65 ปีโดยตรวจทุก 2-3 ปี โดยอาจเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี ถ้ามีความเสี่ยงสูง
โดยสรุป มะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในมะเร็งที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนและการตรวจคัดกรอง ดังนั้นนอกจากการได้รับวัคซีนแล้ว ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองด้วยวิธี Pap smearเพื่อสามารถจัดการมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งระยะลุกลามที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี