มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดขึ้นได้อย่างไร
มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่มีต้นกำเนิดมาจากเยื่อบุผิวลำไส้ใหญ่ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกในปี พ.ศ. 2563มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับที่ 3 และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากมะเร็งเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้น ส่วนใหญ่จะพัฒนามาจากการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ โดยที่ระยะแรกจะเกิดติ่งเนื้อที่มีขนาดเล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อติ่งเนื้อจะมีขนาดใหญ่ขึ้น บางส่วนของติ่งเนื้อจะเริ่มกลายเป็นมะเร็งและลุกลามต่อไป ดังภาพที่ 1 ซึ่งอาการต่าง ๆ ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นอาการถ่ายอุจจาระมีเลือดปนหรืออาการท้องผูกสลับท้องเสียนั้น มักพบในมะเร็งที่มีขนาดใหญ่แล้ว
การคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่มีประโยชน์อย่างไร
การคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สามารถตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง (ภาพที่ 2) ซึ่งเมื่อตรวจพบติ่งเนื้อแล้ว จะสามารถให้การรักษาโดยการตัดติ่งเนื้อผ่านทางกล้องส่องทางเดินอาหาร ซึ่งการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และตัดติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ออกตั้งแต่ในระยะที่ยังไม่กลายเป็นมะเร็งนั้น จะสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัจจัยที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่นั้น ได้แก่ อายุที่มากขึ้นและประวัติครอบครัวที่มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งหากมีสมาชิกครอบครัวสายตรง เช่น พ่อแม่พี่น้อง มีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ
เมื่อใดที่ควรจะเริ่มคัดกรอง
สำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แนะนำให้เริ่มตรวจเมื่อมีอายุ 45-50 ปี ขึ้นไป แม้ว่าจะไม่มีอาการใด ๆ ก็ตาม ส่วนผู้ที่มีประวัติครอบครัว แนะนำให้ตรวจเมื่ออายุ 40 ปี หรือ เมื่ออายุ 10 ปี ก่อนอายุของผู้ป่วยที่เริ่มวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น หากมีสมาชิกครอบครัววินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เมื่ออายุ 45 ปี แนะนำให้สมาชิกครอบครัวสายตรงเริ่มตรวจคัดกรองเมื่ออายุ 35 ปี เป็นต้น ซึ่งหากเข้าเกณฑ์การคัดกรองแล้วแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
ในปัจจุบัน การตรวจคัดกรองมีสองแบบ แบบแรก คือการตรวจโดยตรง ได้แก่ การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ โดยแพทย์จะทำการใส่กล้องเข้าทางทวารหนักแล้วดูลักษณะภายในลำไส้ใหญ่ทั้งหมด หากพบติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ สามารถที่จะตัดออกโดยใช้กล้องได้โดยทันที หรือหากพบติ่งเนื้อที่สงสัยว่าเป็นมะเร็ง จะสามารถตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจยืนยันได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ใช้ตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่มีข้อเสียคือ ผู้เข้ารับการตรวจต้องรับประทานยาระบายเพื่อทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ก่อนการส่องกล้อง และระหว่างการส่องกล้องอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หากส่องกล้องลำไส้ใหญ่แล้วไม่พบความผิดปกติ แนะนำให้ทำซ้ำทุก 10 ปี วิธีอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพรองลงมา ได้แก่ การทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่ (CT colonography) ทุก 5 ปี การตรวจอุจจาระเพื่อหาเลือดแฝง หรือการตรวจอุจจาระเพื่อหาดีเอ็นเอ ซึ่งวิธีที่แนะนำ ได้แก่ การตรวจอุจจาระเพื่อหาเลือดแฝง (fecal occult blood test) วิธีนี้จะดูเลือดที่ออกมาจากติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ที่ปนมากับอุจจาระ เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและไม่เจ็บตัว โดยแนะนำให้ตรวจทุก 1 ปี แต่หากตรวจพบเลือดออกมากับอุจจาระ จำเป็นจะต้องรับการตรวจโดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ต่อไป ส่วนวิธีอื่นๆ เช่น การสวนแป้งเข้าทางทวารหนัก หรือการตรวจเลือดเพื่อหาค่ามะเร็งนั้น มีความสามารถในการตรวจค่อนข้างต่ำ จึงไม่แนะนำให้ใช้เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
กล่าวโดยสรุป มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญ ซึ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้นพัฒนามาจากติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ การตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะที่เป็นติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่จึงมีความสำคัญที่จะป้องกันการลุกลามเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
รูปที่ 1 กระบวนการพัฒนาไปเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
รูปที่ 2 ติ่งเนื้อในลำไส้ (ลูกศรชี้, ซ้าย) และมะเร็งลำไส้ใหญ่ (ลูกศรชี้, ขวา)
พ.ต.ต.(ญ) พ.ญ.ธันยพร ฉันทโรจน์ศิริ
งานโรคระบบทางเดินอาหาร กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี