มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุด โดยแต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 2 ล้านคน และเสียชีวิตประมาณ 1.7 ล้านคน สำหรับประเทศไทย มะเร็งปอดถือเป็นมะเร็งอันดับ 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย โดยเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในผู้ชาย (รองจาก มะเร็งตับและท่อน้ำดี) และเป็นอันดับ 5 ในผู้หญิง โดยแต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ 23,713 คน หรือเฉลี่ยวันละ 65 คน และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 56 คน
ข้อมูลจาก แพทย์หญิงณัษฐา พิภพไชยาสิทธิ์แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยาสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์เปิดเผยว่า มะเร็งปอดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ด้วยกัน ได้แก่
1.มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์
2.มะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก (non-small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 85-90 เปอร์เซ็นต์
สำหรับความรุนแรงและอันตรายของมะเร็งปอดนั้น เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการนำก๊าซออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบเลือด และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกสู่สิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากเป็นมะเร็งปอดที่พบระยะลุกลาม ความรุนแรงต่อชีวิตจึงค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าตรวจพบมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะมีโอกาสที่จะรักษาหายสูงมากขึ้น แต่ความน่าวิตก คือ ผู้ป่วยมะเร็งปอดมักจะมาพบแพทย์เมื่อมะเร็งมีการลุกลามไปมากแล้ว ทำให้การรักษา นั้นรักษาได้ยากขึ้น หรืออาจทำได้เพียงการรักษาแบบประคับประคอง
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เป็นมะเร็งปอด คือ การสูบหรือรับควันบุหรี่ พันธุกรรม การสัมผัส แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน (เกิดจากการสลายตัวของธาตุเรเดียมซึ่งนำมาใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือน) รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ และมลภาวะทางอากาศต่างๆ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีปนเปื้อนหลายชนิดที่เป็นสารก่อเกิดโรคมะเร็ง
อาการที่น่าสงสัย
สัญญาณเตือนของโรคมะเร็งปอดโดยทั่วไป คือ อาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น ไอเรื้อรัง นานกว่า 2 สัปดาห์ ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก หายใจสั่น เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการอื่นๆ อีกเช่น เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยน เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตามอาการต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดเท่านั้น อาจพบในโรคอื่นๆ ได้ ดังนั้น หากมีอาการผิดปกติผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์
วิธีการคัดกรอง
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอในระดับประชากร แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการป้องกัน และสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคลงได้
การตรวจวินิจฉัย
หลักๆ ประกอบไปด้วย การถ่ายภาพรังสี (เอกซเรย์ปอด เอกซเรย์คอมพิวเตอร์) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์มะเร็ง โดยการตรวจจากเสมหะ หรือการตัดชิ้นเนื้อจากปอดมาตรวจ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการตรวจชิ้นเนื้อทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติม (molecular genetic testing) เพื่อทำนายพยากรณ์ของโรคและแนวทางการรักษาได้มากยิ่งขึ้น
การรักษา
การรักษามะเร็งปอดนั้น จะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค การลุกลามของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษามะเร็งปอดในปัจจุบันนั้น ประกอบไปด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง และ/หรือการรักษาด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัดซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของการรักษา เช่น หากเป็นชนิดเซลล์ขนาดเล็ก การรักษาหลักคือการฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด แต่ถ้าหากเป็นชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กที่มะเร็งยังไม่ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง การรักษาหลักคือการผ่าตัดและตามด้วยยาเคมีบำบัดในบางกรณี หากการกระจายของโรคเริ่มลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง จำเป็นต้องได้รับการรักษาหลายชนิดร่วมกัน แต่ถ้าหากโรคลุกลามไปมากแล้วการรักษาหลักจะเป็นการรักษาด้วยยาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัดยามุ่งเป้า หรือยากระตุ้น ภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น
บทสรุป
มะเร็งปอดถือว่าเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงของโรคค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบต่อชีวิตสูง อีกทั้งการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะแรกเริ่มได้นั้น ค่อนข้างลำบาก ทำให้ประสิทธิภาพของการรักษามีข้อจำกัด ทางที่ดีที่สุดคือ ควรมุ่งเน้นการป้องกัน มากกว่าการรักษา โดยสาเหตุที่สำคัญของการเกิดมะเร็งปอดนั้น เกิดจากบุหรี่ จึงควรหยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่ อยู่อาศัยในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายหากต้องปฏิบัติงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายและหมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ท้ายนี้ด้วยเดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนของการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งปอด จึงอยากฝากสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันมะเร็งปอด คือ “เลิกสูบบุหรี่” เพื่อตัวคุณเอง ครอบครัว และสังคมรอบข้าง
นอกจากนี้ จะขอฝากเกร็ดความรู้เพื่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่างๆโดยใช้หลักการป้องกันโรคมะเร็ง “5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็ง”
โดย 5 ทำ ประกอบด้วย (1.) ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป (2.) ทำจิตใจให้แจ่มใสไม่เครียด (3.) กินผักผลไม้ให้ได้ครึ่งหนึ่งของอาหารที่บริโภคแต่ละมื้อ (4.) รับประทานอาหารหลากหลายประเภท อย่ากินอาหารซ้ำๆ เป็นประจำ (5.) ตรวจร่างกายเป็นประจำ แม้ว่าตนเองจะมีสุขภาพแข็งแรงหรือไม่เคยเจ็บป่วยก็ตาม
ส่วน 5 ไม่ ประกอบด้วย (1.) ไม่สูบบุหรี่หรือสูดดมควันบุหรี่ (2.) ไม่มั่วเซ็กซ์ (3.) ไม่ดื่มสุรา (4.) ไม่ตากแดดจ้า (5.) ไม่กินปลาน้ำจืดดิบ
เพื่อลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง และที่สำคัญคืออย่าปล่อยให้มีอาการของโรคก่อน ควรมาตรวจสุขภาพเพื่อค้นหามะเร็งระยะเริ่มแรกเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง
สามารถติดตามความรู้ข่าวสารด้านโรคมะเร็งจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ส่งเสริมความรอบรู้สู้ภัยมะเร็ง http://allaboutcancer.nci.go.th/ เว็บไซต์ต่อต้านข่าวปลอมโรคมะเร็ง https://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ และ Line : NCI รู้สู้มะเร็ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี