เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคมทุกปี นับเป็นวันที่เด็กๆ ทั่วทั้งประเทศไทยรอคอย นั่นก็คือ “วันเด็กแห่งชาติ” เพราะเด็กๆ จะได้รับของขวัญ รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ทางภาครัฐและภาคเอกชนจัดขึ้น เพื่อให้เด็กๆ ได้รับความรู้และความสนุกสนาน
สำหรับวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 เป็นวันที่ให้ความสำคัญแก่เด็กและเยาวชน ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศในอนาคต จึงมีการจัดงานวันเด็กและกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยในปีนี้คำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 คือ “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี”
สำหรับในประเทศไทย จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามมติขององค์การสหประชาชาติต่อมาคณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่า ช่วงเดือนตุลาคมที่จัดงานวันเด็กนั้นตรงกับฤดูฝนในประเทศไทย ทำให้ไม่สะดวกต่อการจัดงาน อีกทั้งวันจันทร์ยังเป็นวันทำงานที่ผู้ปกครองไม่สามารถพาบุตรหลานมาร่วมงานได้ จึงเสนอให้เปลี่ยนมาจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมแทน โดยเริ่มประกาศใช้ครั้งแรกใน พ.ศ. 2508 จวบจนถึงปัจจุบัน
แต่เชื่อหรือไม่ว่าปัญหาหนึ่งที่ไม่เคยหายไปจากเด็กไทยเลย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “เด็กด้อยโอกาสที่ต้องการความช่วยเหลือ”
จากการวิเคราะห์สถานการณ์สิทธิเด็กในประเทศไทย กรณีศึกษาเด็กที่เสี่ยงต่อการสูญเสียผู้ปกครองและเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองดูแลปี 2561 2563 ของ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯร่วมกับ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และข้อมูลจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบว่า จำนวนเด็กที่สูญเสียการดูแล (เด็กกำพร้า) มีจำนวน 15,173 คนซึ่งเป็นเด็กกลุ่มเป้าหมายที่ทางมูลนิธิเด็กโสสะฯ ดำเนินการให้ความช่วยเหลือที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบการเลี้ยงดูทดแทน หรือ Family Like Care ได้แก่ เด็กกำพร้ามีจำนวน 15,173 คน
ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดการศึกษาดังกล่าว พบว่า เด็กที่เสี่ยงต่อการสูญเสียการดูแล มีจำนวนประมาณ 3.6 ล้านคน ประกอบด้วย เด็กยากจน 3.59 ล้านคน เด็กถูกทอดทิ้ง 1,625 คน เด็กที่ถูกทำร้ายทารุณ 604 คน และเด็กเร่ร่อน 604 คน ซึ่งที่เป็นเด็กกลุ่มเป้าหมายที่ทางมูลนิธิเด็กโสสะฯ ให้ความช่วยเหลือในรูปแบบการส่งเสริมความเข้มแข็งให้ครอบครัว หรือ Family Strengthening รวมประมาณ 3.6 ล้านคน ประกอบด้วย เด็กยากจน 3.59 ล้านคน เด็กถูกทอดทิ้ง 1,625 คน เด็กที่ถูกทำร้ายทารุณ 604 คน และเด็กเร่ร่อน 604 คน
จากข้อมูลการสำรวจข้างต้น เราไม่อาจเพิกเฉยต่อจำนวนเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ได้ กว่า 50 ปี ที่มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ ก่อตั้งมา
นอกจากการช่วยเหลือเด็กที่ขาดพ่อแม่และญาติมิตรหรือเด็กที่ครอบครัวดั้งเดิมไม่สามารถเลี้ยงดูได้เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นได้เติบโตขึ้นภายใต้ครอบครัวทดแทนแล้ว มูลนิธิฯเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ ยังขยายความช่วยเหลือไปยังครอบครัวของเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในชุมชนบริเวณใกล้เคียงหมู่บ้านเด็กโสสะ ภายใต้ “โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับครอบครัว” (Family Strengthening) โดยให้การสนับสนุนด้านอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการและความถนัดของคนในชุมชนเป็นหลัก ซึ่งเราเชื่อว่าเมื่อครอบครัวและชุมชนมีความเข้มแข็งแล้ว โอกาสที่เด็กๆ จะถูกทอดทิ้งก็จะลดปริมาณลง และเด็กๆ จะได้เติบโตขึ้นในครอบครัวของตนเองอย่างมีความสุข
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี