เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกรักเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่เก่ง ฉลาดรอบรู้และมีสุขภาพแข็งแรงกันทั้งนั้น แต่ในยุคนี้เด็กเก่งอย่างเดียวคงไม่พอ หากยังต้องรู้จักที่จะเผชิญกับปัญหา อุปสรรค หรือสถานการณ์ยากลำบากต่างๆ แล้วสามารถลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้อย่างรวดเร็วด้วย
ข้อมูลจาก รศ.พญ.ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เปิดเผยว่า พ่อแม่ควรสอนและฝึกให้ลูกรักเป็นผู้ที่มีกรอบความคิดเติบโต (Growth mindset) เชื่อว่าความเก่งความฉลาดสามารถพัฒนาได้ และพร้อมเผชิญโลกกว้างด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่หวาดกลัวต่อปัญหาหรืออุปสรรคในชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนจะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกัน
l สร้างแรงบันดาลใจ สนับสนุนให้ลูกมีความมุมานะพยายาม กระตือรือร้น มุ่งมั่นพร้อมที่จะเรียนรู้ ค้นคว้าหาความรู้และพัฒนาความสามารถของตนเองไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้มีความสามารถมากขึ้นกว่าในอดีตโดยการแข่งขันกับตนเอง ไม่คิดแข่งขันกับผู้อื่นซึ่งเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ลูกมีแบบอย่างและแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของผู้อื่น
l วัคซีนใจ มองว่าความผิดพลาด ผิดหวัง หรือล้มเหลวคือบทเรียนที่ทำให้ลูกมีประสบการณ์การเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้เติบโตมากขึ้น ความสำเร็จที่ได้มาอาจต้องเกิดจากการลองผิดลองถูก โดยพ่อแม่ต้องคอยชี้แนะ ให้กำลังใจในการจัดการกับความรู้สึกผิดหวัง และชื่นชมในความพยายามที่ลูกมองหาจุดบกพร่องเพื่อเรียนรู้และนำมาพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
l รู้จักจัดการปัญหาด้วยตนเอง หลายๆ ครั้ง พ่อแม่มักจะช่วยลูกแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อไม่ให้เขาต้องลำบาก หรือบางครั้งก็เป็นการตัดรำคาญ ปัญหาจะได้จบลงอย่างรวดเร็วแต่คุณรู้หรือไม่ว่าถ้าลูกไม่เคยได้แก้ไขปัญหาด้วยตัวเองเลย เมื่อเจออุปสรรคก็จะไม่เข้มแข็งและท้อแท้ได้ง่าย ดังนั้น คุณควรสอนแนวทางในการแก้ปัญหา แล้วลองปล่อยให้เขาได้เรียนรู้พร้อมลงมือทำอะไรเองบ้าง ลูกจะได้รู้จักที่จะพึ่งพาตนเอง เรียนรู้วิธีจัดการกับปัญหา ฝ่าฟันอุปสรรค แถมยังช่วยให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากความผิดพลาดได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
l ฝึกให้กล้าตัดสินใจ พร้อมที่จะรับมือกับความท้าทาย กล้าที่จะเลือกเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในเรื่องที่ยากหรือไม่เคยทำมาก่อน ถือเป็นทักษะสำคัญในการแก้ปัญหา คุณควรหาโอกาสให้ลูกได้ฝึกเป็นนักคิดและตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยตัวเองดูบ้าง โดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆ รอบตัว เช่น เลือกเสื้อผ้าเรื่องอาหารการกิน ฯลฯ ของตัวเอง เมื่อโตขึ้นก็ค่อยๆ ให้เขาได้ตัดสินใจในเรื่องที่ใหญ่ขึ้น เพราะการได้ลองผิดลองถูก กล้าคิดกล้าลงมือทำ แม้จะผิดพลาดบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ นอกจากจะช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองได้แล้ว ยังเก็บไว้เป็นบทเรียนสำหรับการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย
l รู้เท่าทันอารมณ์และความรู้สึกตนเอง เป็นธรรมดาที่คนเราจะต้องเจอทั้งเรื่องสุขและทุกข์ การสอนให้ลูกได้รู้จักอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่าจะโกรธ ดีใจ เสียใจหรือผิดหวัง แล้วดูว่าตัวเองกำลังมีความรู้สึกอย่างไรเพื่อที่เขาจะได้รู้จักควบคุมอารมณ์และแสดงพฤติกรรมออกมาได้อย่างเหมาะสม เช่น รู้ว่าโกรธแต่ก็จะไม่อาละวาด ขณะเดียวกันพ่อแม่อาจช่วยให้เขาคลี่คลายอารมณ์นั้นด้วยวิธีต่างๆ เช่น ถ้าลูกรู้สึกเศร้า ก็อยู่เคียงข้างและคอยปลอบโยน เป็นต้น
l กล้าที่จะปฏิเสธ การสอนให้ลูกเป็นคนที่มีจิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจและเกรงใจคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ควรที่จะมากเกินไป คุณควรสอนให้ลูกรู้จักการปฏิเสธ เพื่อแสดงออกว่าตัวเองไม่ชอบ ไม่ต้องการ หรือไม่อยากทำ จะช่วยให้เขากล้าที่จะแสดงจุดยืนของตัวเองโดยไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ จนรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เขาเรียนรู้ที่จะรักและปกป้องตัวเองอีกด้วย
l สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นในครอบครัวครอบครัวที่อบอุ่น ถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะพัฒนาให้ลูกรักเติบโตอย่างเข้มแข็ง เมื่อลูกทำดี หรือประสบความสำเร็จ พ่อแม่ต้องชม หรือให้รางวัล แต่หากลูกท้อแท้ ผิดหวังก็ควรให้กำลังใจซึ่งจะช่วยให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตหรือเหตุการณ์ร้ายๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่จมอยู่กับความทุกข์ มีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้ และการที่พ่อแม่ได้มีช่วงเวลาดีๆ ให้กับลูก ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมร่วมกัน มีเวลาในการรับฟังและรับรู้ถึงอารมณ์ ความรู้สึกของลูก ทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ
l พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดี ในการถ่ายทอดกรอบความคิดเติบโตไปให้ลูกโดยให้กำลังใจมากกว่าตำหนิ ไม่ชื่นชมในความเก่งเมื่อลูกทำได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังชื่นชมและเห็นความสำคัญในความพยายามของลูก ทำให้ลูกเห็นพัฒนาการของตนเองที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากการฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอ ลูกจึงมีความมุมานะและความเพียรพยายาม ลูกมักมองพ่อแม่เป็นซูเปอร์ฮีโร่และแบบอย่างในการดำเนินชีวิตดังนั้น นอกจากการสอนลูกด้วยวิธีต่างๆ แล้ว คุณต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็นด้วยว่าคุณเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบากต่างๆ ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน ลูกก็จะซึมซับวิธีแก้ไขปัญหาและเรียนรู้ว่าอุปสรรคในชีวิตเป็นเรื่องท้าทายที่สามารถก้าวผ่านมันไปได้จากประสบการณ์ตรงของพ่อแม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ลูกเป็นเด็กที่มีจิตใจเข้มแข็งได้ดีที่สุด
เพียงเท่านี้ ลูกรักก็จะโตขึ้นมาเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง มีกรอบความคิดเติบโตมีความมุ่งมั่นพยายาม ในการพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเองอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ เขาก็จะสามารถลุกขึ้นมายืนหยัดสู้ได้อีกครั้ง และพร้อมเผชิญโลกกว้างโดยไม่หวาดกลัวต่อปัญหาหรืออุปสรรค ใดๆ ในชีวิต
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี