ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น “อ.ตั้ว - ผศ. ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม” ตามรอยพ่อนั่งเก้าอี้อธิการบดีคนปัจจุบันของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เดินหน้าปั้นบัณฑิตพร้อมใช้ป้อนกำลังคนคุณภาพสู่ตลาดแรงงานไทย
ผศ.ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม หรือ อาจารย์ตั้ว ของบรรดาลูกศิษย์และคณาจารย์ วิศวกรหนุ่มบุคลิกดีมาดเข้ม น้ำเสียงจริงจัง ตรงไปตรงมา ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น สายเลือดโดยตรงของ ศ. ดร. สิทธิชัย โภไคยอุดม ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ได้เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเป็นวิศวกรและก้าวสู่เส้นทางการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย จนได้รับแต่งตั้งให้เป็น ‘อธิการบดี’ คนปัจจุบันของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ว่า
“ผมเติบโตมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นวิศวกรและนักวิชาการ และมีคุณตาเป็นทหาร จึงได้ซึมซับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ค่อยๆ จุดประกายและเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเติบโตมาเป็นคนดีและเก่งเหมือนทั้งสองท่าน แต่ในเมื่อไม่ได้อยากเป็นทหาร จึงก้าวสู่เส้นทางอาชีพวิศวกร และเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะผมเชื่อมั่นในความเป็นวิศวกร และอาจารย์ จนปัจจุบันผมดำรงตำแหน่งอธิการบดี ผมจึงมั่นใจว่า จะสามารถนำความรู้ที่ผมเชี่ยวชาญมาพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ให้เติบโตเป็นบุคลากรด้านวิศวกรรมศาสตร์และผลิตนวัตกรที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศและยกระดับประเทศไทยของเราที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งนี่ก็เป็นการทำประโยชน์ตอบแทนคุณประเทศชาติตามวิถีของผม”
เป็นเวลากว่า 33 ปี ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในวงการวิศวกรรม บริหารธุรกิจ และสัตวแพทย์ ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของมหาวิทยาลัย คำมั่นสัญญาในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร คือการมุ่งมั่นผลิตบัณฑิตผู้ไม่เคยหยุดเรียนรู้ (lifelong learners) บัณฑิตผู้เป็นนวัตกรและบุคลากรผู้ชำนาญการอันเป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผู้บริหารของ MUT รุ่นต่อมา ได้ดำเนินวิถีเช่นนี้อย่างต่อเนื่องและยังคงยึดมั่นในปณิธานของอธิการบดีผู้ก่อตั้งที่ว่า ‘SCIENTIA POTESTAS EST’ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า ความรอบรู้สรรพวิทยาการ จะนำไปสู่พลังสร้างสรรค์ หรือ “ความรู้คือพลัง” (Knowledge is Power) สิ่งนี้จึงเป็น “ค่านิยมหลัก” ของ MUT มาโดยตลอด
ผศ.ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดี ม.เทคโนโลยีมหานคร กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้มหาวิทยาลัยของเราเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านวิศวรรมศาสตร์และเทคโนโลยี บริหารธุรกิจและสัตวแพทย์ เพราะเราเลือกทำในสิ่งที่เรามีความเชี่ยวชาญควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันยุคทันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรามีแนวคิดในการบริหารและจัดการศึกษาในมุมมองที่แตกต่าง สร้างสรรค์และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา เพราะแนวการเรียนการสอนของเรา ไม่ใช่แค่ให้องค์ความรู้ที่เป็นทฤษฎีอยู่ในตำราเรียนเท่านั้น แต่ได้ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงมีการนำแนวคิดเชิงอุตสาหกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้ในหลักสูตรเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และฝึกทักษะภาคปฏิบัติเหมือนอยู่ในสถานการณ์การทำงานจริง นักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยของเราจึงเป็น “บัณฑิตพร้อมใช้” ซึ่งเป็นที่ต้องการและยอมรับของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย”
ทำไมต้องเรียนที่ ม. มหานคร?
อาจารย์ตั้ว อธิบายว่า “แน่นอนว่าในสังคมปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกในทุก ๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม วงการแพทย์ รวมถึงแวดวงการศึกษา แต่สำหรับที่ MUT นอกจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมแล้ว การพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้น แนวทางการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัย จึงมุ่งเน้นให้นักศึกษาเป็นศูนย์กลาง ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ใช้แนวทางการเรียนการสอนแบบเชิงรุก เพื่อให้นักศึกษาสามารถนำเอาทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างเข้าใจ และสร้างสรรค์ ทั้งยังเน้นเสริมสร้างประสบการณ์เพื่อพัฒนานักศึกษาให้เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน หรือ Problem-based Learning (PBL) รวมถึงการพัฒนาทักษะด้าน soft skills เช่น ทักษะความคิด ทักษะการแก้ปัญหา ทัศนคติเชิงบวกและการทำงานเป็นทีม ที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการเพิ่มมากขึ้นควบคู่ไปกับทักษะด้าน hard skills ที่ได้จากการเรียนการสอน เพื่อให้นักศึกษาเป็นบัณฑิตและนวัตกรที่เปี่ยมคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต”
นักศึกษามหานครพร้อมทำงานในห้องปฏิบัติการขั้นสูง
เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสฝึกทักษะ มีความพร้อมและมีประสบการณ์จากการได้ทดลองและฝึกปฏิบัติจริง MUT ได้มีการลงทุนสร้างห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ในระดับที่เทียบเท่ากับสิ่งที่นักศึกษาจะได้ใช้จริงในโลกของการทำงาน อาทิ ห้องปฏิบัติการหุ่นยนต์ (Robotics LAB) ที่รวบรวมแขนกลโรงงานระดับแบรนด์ชั้นนำ อย่าง ABB KUKA และ Han's ห้องพิมพ์ขึ้นรูปสามมิติ (3D Printing Room) โรงงานผลิตน้ำดื่ม (Process Control and Automation LAB) ห้องปฏิบัติการ PLC Mitsubishi และ PLC Siemens (Programmable Logic Control) ห้องปฏิบัติการขั้นสูง อาทิ ห้อง Advanced Electronics LAB เป็นห้องปฏิบัติการเครื่องมือเฉพาะทาง สำหรับการตรวจวัดสัญญาณไฟฟ้าระดับพิเศษความถี่สูง เช่น สัญญารบกวน คลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า สัญญาณการสื่อสารไร้สาย และห้อง Embedded and AI ห้องปฏิบัติการที่ประกอบด้วยเครื่องมือวัด โปรแกรมประยุกต์ สื่อการพัฒนาระบบ ที่มีการใช้งานในระดับอุตสาหกรรม ทั้งหมดเป็นผลมาจากการสำรวจความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อปรับปรุงหลักสูตรและอุปกรณ์ให้ทันสมัยและเทียบทันกับภาคอุตสาหกรรมนั่นเอง
นอกจากห้องปฏิบัติการดังกล่าว MUT ยังมีศูนย์วิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอื่น ๆ อาทิ ศูนย์ระบบบูรณาการไบโออิเล็กทรอนิกส์ (Bioelectronics Integrated System หรือ CBIT) และศูนย์นวัตกรรมประยุกต์ (AiCentre) ศูนย์วิจัยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (MASI) ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการผลิตยุทโธปกรณ์ให้กับเหล่าทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด เพื่อใช้งานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และในปี 2563 MUT ยังได้เปิด Mahanakorn Institute of Innovation (MII) และ "บริษัทนวัตกรรมมหานคร จำกัด" ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติการแห่งการจัดการด้านงานวิจัยและนวัตกรรม ที่ผลิตผลงานต่าง ๆ ทั้งในเชิงวิชาการและเชิงพาณิชย์ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชนมาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
มหานคร กับอุตสาหกรรม EV
จากกระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงในประเทศไทย ล่าสุด MUT ได้จับมือกับ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โดยลงนาม MOU เพื่อออกแบบพัฒนาและผลิตชุดฝึกยานยนต์ EV ระดับ Advance ให้กับโรงเรียนอาชีวศึกษาของรัฐทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพช่างยนต์ EV ออกมารองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตที่กำลังเปลี่ยนโฉมไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% อันเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลกที่สุดในปัจจุบัน
นอกจากโครงการที่ร่วมกับเกรทวอลล์ มอเตอร์ และ สอศ. แล้ว MUT ยังมีโครงการสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมใหม่ที่ตอบสนองนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอีกหลายเรื่อง อาทิ โครงการชุบชีวิตแบตเตอรี่เก่าที่ใช้ในรถยนต์ไฮบริดให้กลับมาใช้ใหม่ได้ โครงการเปลี่ยนรถยนต์โดยสาร/ขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป เช่น รถตู้ รถกระบะ รถสองแถวเล็ก ไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สามารถประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในยุคที่เชื้อเพลิงจากฟอสซิลปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
สำหรับมุมมองต่อแนวโน้มการศึกษา อาจารย์ตั้วกล่าวว่า ม. เทคโนโลยีมหานคร มีความพร้อมในทุกด้านที่จะสร้างบัณฑิตคุณภาพ เพื่อออกไปเสริมสร้างให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยแข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อไปขับเคลื่อน GDP ให้สูงขึ้น และ สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจและจรรโลงสังคม ซึ่งนั่นคือเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ความยั่งยืนของประเทศในอนาคต ดังนั้น ในปีพ.ศ. 2566 เราจะมีการนำแนวการเรียนการสอนแบบ Modular มาใช้กับสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้นอกห้องเรียน มุ่งให้นักศึกษาได้เรียนรู้ด้วยตนเอง มีความรับผิดชอบ แก้ไขปัญหา ซับซ้อนได้ และกล้าตัดสินใจ จุดเด่นของการเรียนแบบ Modular คือ มีลักษณะยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามความเหมาะสมและตามบริบทของสังคมที่พลิกผันตลอดเวลา สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1-3 ยังคงเน้นแนวการเรียนการสอนแบบ Problem-based Learning คือเน้นเรียนรู้โดยนำปัญหามาเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนของเรา ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มากประสบการณ์และมีบทบาทสำคัญในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม อีกทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดีและเป็นเครือข่ายกับตลาดงานที่ช่วยระบุทักษะที่ต้องการใช้จากบัณฑิตของเรา นี่จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไม MUT จึงได้ป้อนทรัพยากรบุคคลที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศตลอดเรื่อยมา และทำไมนักศึกษาจึงต้องเลือกเรียนที่ม. เทคโนโลยีมหานคร
“เพราะผมชอบและมี Passion ต่อการเป็นอาจารย์ เมื่อผมได้บริหารมหาวิทยาลัย ผมจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็กแต่โดดเด่นด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำยอดนิยมด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศไทย” นี่คือจุดมุ่งหมายและความฝันของ ผศ. ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม ผู้บริหารรุ่นใหม่ในฐานะอธิการบดีคนปัจจุบันของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี