ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร
ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 25 ลงพื้นที่เรียนรู้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา โดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) ต่อเนื่องมาถึงครั้งที่ 25พาครูอาจารย์และผู้ร่วมกิจกรรมลงพื้นที่ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ เป็น 1 ใน 6 ศูนย์ จาก 5,151 โครงการในพระราชดำริ เพื่อศึกษาการพัฒนาป่าไม้ พื้นที่ต้นน้ำลำธารให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์ ผสานกับการศึกษาด้านการเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม เป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบเมื่อเข้ามาศึกษากิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์ แล้วสามารถนำไปปฏิบัติต่อได้ เปรียบเสมือนเป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต”
วิชชุดา ไตรธรรม
โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา เป็นโครงการที่ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้บริหารโรงเรียน ครูอาจารย์ ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิตได้อย่างแท้จริง ด้วยการลงมือทำกับกิจกรรมในห้องเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 5,151 โครงการในพระราชดำริทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทยพร้อมทั้งได้ซึมซับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงสร้างไว้เพื่อให้ พสกนิกรได้นำมาพัฒนาเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
รพีพล ทับทิมทอง
สำหรับกิจกรรมครั้งที่ 25 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเปิดงาน จากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมรับฟังการบรรยายประวัติความเป็นมาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระราชกรณีกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้ทรงวางรากฐานให้ศูนย์แห่งนี้โดยมี นายรพีพล ทับทิมทอง วิทยากรอาวุโสของศูนย์ฯ เป็นผู้บรรยาย
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้ประสบการณ์การเดินป่าศึกษาธรรมชาติการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร สร้างความชุ่มชื้นให้พื้นดินด้วยการสร้างฝายในรูปแบบต่างๆ และทำแนวป้องกันไฟป่าเปียกตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเป็นแนวทางในการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติจากการเกิดไฟป่าตอบโจทย์เรื่องควันพิษมลภาวะที่เกิดจากควันไฟ ลดฝุ่น PM2.5 พร้อมร่วมปล่อยพันธุ์ปลานิลจิตรลดา และมอบเป็ดไข่จำนวน 300 ตัว ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 15 โรงเรียน เพื่อสนับสนุนให้เด็กนักเรียนได้เพาะเลี้ยงและสามารถนำไข่เป็ดมาบริโภคสำหรับมื้อกลางวันทั้งหมดนี้เป็นการสอดแทรกความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความตระหนักรู้และร่วมมือกันในการป้องกันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติธรรมชาติ รวมถึงตอกย้ำความเข้าใจในเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
อีกทั้ง ยังได้ร่วมกิจกรรม Workshop ถอดรหัสนวัตกรรมศาสตร์พระราชา เรียนรู้นวัตกรรมสื่อการสอนสำหรับเยาวชนในศตวรรษที่ 21 Interactive Board Game จากวิทยากรอาจารย์ อดุลย์ ดาราธรรม นายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย เพื่อนำไปพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้สำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่และการพัฒนานวัตกรรมแบบก้าวกระโดดสำหรับองค์กรต่อไป และรับฟังบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และ ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัยจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชานี้เราได้ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 25 เป็นการเริ่มต้นเดินก้าวเล็กๆ แต่ก้าวเดินอย่างมั่นคงต่อเนื่อง เราคาดหวังให้เกิดการต่อยอดความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปสู่เด็กและเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไป ทั้งนี้ จากกิจกรรมที่ผ่านมา ผลตอบรับจากครูอาจารย์ที่ได้ร่วมกิจกรรม และนำกลับไปต่อยอดสอนให้กับเด็กๆ ทั้งครูและเด็กเยาวชนเกิดประสบการณ์
ในการเรียนรู้ มีความเข้าใจในเรื่องราวของโครงการในพระราชดำริมากขึ้น สามารถนำกลับไปพัฒนาเพื่อประโยชน์ในการสร้างอาชีพเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในการดำรงชีพได้ชีวิตได้ต่อไป
และที่สำคัญคือได้เข้าใจ เรียนรู้ สามารถนำไปพัฒนาตนเอง ด้วยหลักคุณธรรม 5 ประการ คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู เกิดการสร้างแรงบันดาลใจ เกิดทัศนคติ ทางบวก ต่อครอบครัว สังคม ไปจนถึงประเทศชาติ ทั้งนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ต่อไป”นางวิชชุดา กล่าวเพิ่มเติม
อีกทั้ง โครงการนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17 ข้อขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN SDGs ภายในปี 2030 เป็นการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นกับวิถีชีวิตและโลกใบนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกองค์กร และบุคคล ต้องตระหนักและเตรียมการ ซึ่งการสร้างความรู้ ความเข้าใจเพื่อให้เกิดการพัฒนาได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น ต้องมีการวางแผนดำเนินการและสื่อสารอย่างทั่วถึง รวมถึงการสร้างความเข้าใจในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่จะช่วยให้คนไทยได้เข้าใจวิถีความยั่งยืนและนำพาให้พึ่งพาตนเองได้”
โครงการ ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา จัดโดย ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD)มูลนิธิธรรมดี กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมนักเรียนเก่า AFSประเทศไทย คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการและบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการทรงงานเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรให้มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดี อีกทั้งยังเพื่อสนองตามพระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 “เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
สำหรับกิจกรรม ทิพยสืบสาน รักษาต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชาครั้งที่ 26 เตรียมลงพื้นที่ ณ ศูนย์บริการการพัฒนา สวนไม้ดอกไม้หอมไทยมูลนิธิชัยพัฒนา จ. กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 หน่วยงานหรือองค์กรที่สนใจร่วมเรียนรู้นวัตกรรมศาสตร์พระราชา สามารถติดต่อได้ที่ มูลนิธิธรรมดี เว็บไซต์ http://www.do-d-foundation.com ตามรอยพระราชา - The King’s Journey Facebook : มูลนิธิธรรมดี และ LINE Official : @dfoundation
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี