สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) จัดประชุมระดมความคิดเห็นการจัดทำ(ร่าง)แนวทาง กลไก และรูปแบบการให้บริการ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับคนพิการ” โดยมี นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยน.ส.รัตนา จรูญศักดิ์สิทธิ์ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อสังคม กล่าวรายงาน ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ ร่วมในพิธีเปิด ที่โรงแรมทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
นายภุชพงค์ โนดไธสง กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้กำหนดยุทธศาสตร์อย่างชัดเจนให้คนไทยได้เข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำ โดยเดิมทีกระทรวงดีอีเอส ได้มีกฎกระทรวงในการดูแลคนพิการให้เข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ ดิจิทัลในรูปแบบให้และให้ยืม ซึ่ง สดช. มองว่าการซื้ออุปกรณ์มาคงคลังไว้ และรอให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ประสานให้คนพิการมายื่นขอสื่ออุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งวิธีการดังกล่าวทำให้อุปกรณ์ที่ซื้อมาเก่าและไม่ทันสมัย
“การทำงานรูปแบบเดิม รอให้คนพิการมายืมยังไม่ครอบคลุมและไม่ทันท่วงที สดช. จึงได้จัดทำร่างดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการเข้าถึงดิจิทัลได้จริงและปรับกฎกระทรวง แต่การปรับกฎกระทรวงย่อมมีขั้นตอน มีกระบวนการ มีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งคาดว่าจะใช้เวลากว่า 1 ปี จึงจะเห็นร่างชัดเจน ดังนั้น นอกจากสนับสนุนเรื่องอุปกรณ์ การปรับกฎกระทรวงแล้ว สดช. มีแนวทางพัฒนาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการประเมินเว็บไซต์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน WCAG (Web Content Accessibility Guideline) ทุกคนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ และร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดทำแอปพลิเคชั่น โดยนำบัตรดิจิทัลสำหรับคนพิการมาเชื่อมให้คนพิการเข้าถึงดิจิทัลโดยใช้จุดบริการเพียงจุดเดียวโดยมุ่งหวังการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกแก่คนพิการ” นายภุชพงค์ กล่าว
น.ส.รัตนา จรูญศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มคนพิการ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานเว็บไซต์หรือเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ได้ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านความรู้จากการใช้ดิจิทัล สดช. จึงได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในการจัดทำร่างดังกล่าวขึ้น เพื่อศึกษารวบรวมและวิเคราะห์การเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร บริการสื่อสาธารณะ รวมถึงเป็นแนวทางในการจัดทำ (ร่าง) แนวทางส่งเสริมสนับสนุนการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับคนพิการ พร้อมปรับปรุงกฎกระทรวงฯ พ.ศ.2554 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับบริบทและสภาพแวดล้อมของสังคมไทยในปัจจุบัน ทั้งนี้ สดช. เป็นหน่วยงานที่มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยประกาศเชิญชวนมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อม ซึ่ง DPU มีศักยภาพและความพร้อมในการจัดทำร่างดังกล่าว
ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ ในฐานะหัวหน้าที่ปรึกษาของโครงการ กล่าวว่า DPU ได้เข้ามาช่วย สดช. จัดทำร่างแนวทาง ซึ่งจากการศึกษา รวบรวม วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆพบว่าประเทศที่มีการส่งเสริมคนพิการที่ดีส่วนใหญ่ล้วนมีแนวทางส่งเสริมและสนับสนุนคนพิการในรูปแบบของการให้ทั้งการให้เงินอุดหนุนและให้อุปกรณ์ โดยสรุปได้ 4 แนวทาง ดังนี้ 1.การให้อุปกรณ์ (Providing) 2.การสนับสนุนเงินช่วยเหลือ (Grants) 3.การสนับสนุนคูปอง (Coupon) และ 4.การให้เงินกู้ยืม (Loan) ซึ่งแต่ละวิธีนั้นมีจุดเด่น และจุดแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ CITE มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งความร่วมมือจากคณะรัฐประศาสนศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ ทำให้ DPU มีความพร้อมทั้งกระบวนการ และกลไกการนำองค์ความรู้มาช่วยพัฒนากลไกและเทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะคนพิการให้เท่าเทียมกับคนปกติและคนพิการในต่างประเทศ
ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ กล่าวว่า ปัญหาในการเข้าถึงเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือของคนพิการนั้น จะเป็นเรื่องแพลตฟอร์ม เนื้อหา และบุคลากร เนื่องจากยังไม่ได้เป็นการจัดทำเว็บไซต์หรือสื่อที่นึกถึงทุกคน หรือ For all ขณะเดียวกันระบบการศึกษาที่สอนคนพิการ โดยเฉพาะพิการทางการได้ยินยังมีปัญหาอย่างมาก ยิ่งโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเสียง ดังนั้น การจัดทำร่างดังกล่าว ถือเป็นส่วนสำคัญทำให้มีการปรับปรุงกฎหมายที่มีมาตรฐานออกมาบังคับว่าแพลตฟอร์มและเนื้อหาต้องเป็นอย่างไร และต้องมีบุคลากรที่เพียงพอในการจัดทำเว็บไซต์ สื่อดิจิทัลที่รองรับทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี