ผศ.ศิรินทร์ ใจเที่ยง ผู้ขับเคลื่อนให้เกิดการเรียนรู้แก่ชุมชนบ้านหนองลิง
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยโครงการ eisa (Education Institute Support Activity) โครงการที่สนับสนุนกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย ร่วมกับคณะศิลปกรรมศาสตร์ (สาขาแฟชั่น) และหลักสูตร DBTM คณะสถาปัตยกรรมและการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ลงพื้นที่กลุ่มทอผ้า “ร้อยลายดี” บ้านหนองลิงจ.สุพรรณบุรี ชุมชนดังกล่าวเป็นชุมชนที่มีรากฐานแข็งแรงพร้อมพัฒนาอยู่เสมอผ้าทอบ้านหนองลิงเป็นผ้าทอพื้นเมืองของชุมชนไทยเชื้อสายมอญซึ่งลูกหลานชาวมอญบ้านหนองลิงได้สืบทอดภูมิปัญญาการทอผ้าพื้นเมืองเอาไว้ ตั้งแต่การปลูกฝ้าย การปั่นฝ้าย การทอผ้า การตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มตามเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน การดำรงชีวิตของชาวไทยเชื้อสายมอญบ้านหนองลิงได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ปัจจุบันกระแสการใช้ผ้าขาวม้าได้รับความนิยมมากขึ้น ผ้าไทยพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์และประวัติความเป็นมาสะท้อนภูมิปัญญาของคนในรุ่นก่อน การพัฒนาชุมชนผ้าขาวม้าผ่านนักศึกษาคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาช่วยยกระดับผ้าขาวม้าให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้มากขึ้นจากการออกแบบผลงานที่มีความทันสมัย และเข้าใจบริบทของกลุ่มลูกค้าสิ่งสำคัญคือเป็นการสร้างประสบการณ์การทำงานจริงให้กับนักศึกษาในการทำงานร่วมกับชุมชนจากโจทย์ที่ท้าทาย นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับความรู้ต่างๆ มากมาย กลับไปพัฒนาตนเองได้ในอนาคต ถือเป็นมิติใหม่ของการพัฒนาด้านการออกแบบผ้าขาวม้าของชุมชนที่สร้างความหลากหลาย พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์รวมถึงฟื้นฟูและศึกษาเพื่อดำเนินงานอนุรักษ์สืบสานผ้าทอมือพื้นเมืองให้ยั่งยืนสู่คนรุ่นหลัง การทำงานของนักศึกษาก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชุมชน ในด้านของสถาบันการศึกษา ผศ.ศิรินทร์ ใจเที่ยง อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ขับเคลื่อนให้เกิดการเรียนรู้แก่ชุมชนบ้านหนองลิง ได้กล่าวว่า “คณะฯ ได้ลงพื้นที่บ้านหนองลิงนำนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในวิชาการออกแบบแฟชั่นเพื่อชุมชนมาเก็บข้อมูลและรับโจทย์จากผู้นำกลุ่มทอผ้าจากป้าแต๋ว ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนจากจากไทยเบฟโดยโครงการ eisa ซึ่งมีความต่อเนื่องค่ะ เขาสะท้อนดูเขาก็พบว่าเขามีแนวทางการออกแบบแฟชั่นที่ขึ้นกับความต้องการของชุมชนเป็นหลัก ขณะเดียวกันนักศึกษาก็จะได้ประโยชน์ในการเรียนรู้จริง ทางด้านชุมชนก็มีความคาดหวังว่า น้องๆ จะมาช่วยพัฒนาสินค้าต่อยอดให้มีรายได้มากขึ้น แนวการออกแบบทางคณะก็มีแนวโน้มให้อยู่ในชาติพันธุ์ ศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชุมชน เรามีความคาดหวังว่าแบบที่นักศึกษาได้ออกแบบหลังการลงพื้นที่ในวันนี้ กลุ่มทอผ้าจะสามารถนำแบบไปต่อยอดตัดเย็บออกมาเป็นสินค้าอย่างเป็นรูปธรรมค่ะ”
นิตยา ใจโต ประธานกลุ่มทอผ้าบ้านหนองลิง
2 นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ลงพื้นที่บ้านหนองลิงในการวางแผนพัฒนาธุรกิจการตลาดและการออกแบบการตัดเย็บจากผ้าขาวม้าให้กับชุมชนฯ คนแรก กฤตณัฐ ว่องนัยรัตน์ หลักสูตร DBTM (Design, Business & Technology Management) ได้บอกความรู้สึกในการลงพื้นที่ว่า “มาร่วมกิจกรรมของ eisa มาดูในส่วนวางแผนการตลาดผ้าของป้าแต๋ว ได้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าเดิมของป้าแต๋วจะอยู่ในวัยกลางคน 40-60 ปี ปัญหาที่พบคือความยูนีคของสินค้ายังมีไม่มาก ด้วยราคาด้วย แต่ข้อดีคือควอลิตี้ เป้าหมายที่เราจะช่วยป้าให้มากที่สุด คือการขายแบบออนไลน์ ซึ่งจะต้องทำแบบต่อเนื่องและตอนนี้จะฝากการดีไซน์ของเพื่อนๆ คณะศิลปกรรมให้ช่วยดีไซน์ให้ออกมามีความพิเศษให้มากยิ่งขึ้น สินค้าพวกนี้จะได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทย ด้วยความเป็นไทย เนี่ยล่ะครับ คิดว่าน่าจะลองไปทำตลาดที่มีต่างชาติเยอะๆ เช่น พัทยา หัวหิน ด้านการวางแผนการตลาดว่าจะเพิ่ม Range ของกลุ่มลูกค้าให้เป็น First Jobber หรือประมาณ 25 ปีขึ้นไป และอาจจะไปปรับปรุงดีไซน์ของโปรดักส์ให้ทันสมัยตามเทรนด์มากขึ้น ความคาดหวังของผมอยากให้โปรดักส์ของป้าแต๋วเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในชุมชน เป็นเครื่องหมายการค้าที่โดดเด่น ส่วนประโยชน์ที่ผมได้รับอย่างแรกเลยคือ ประสบการณ์จากเดิมเรียนหนังสือทำงานในมหาวิทยาลัยตลอดเวลาไม่เคยได้ลงพื้นที่จริงแต่การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้ศึกษาการค้าขายจริงๆ และในส่วนของชุมชนเราเห็นจุดบกพร่องเข้าไปช่วยแก้ไขให้ดีขึ้นพัฒนาให้ชุมชนมีรายได้มากขึ้นอันนี้คือสิ่งที่เราอยากจะมอบให้กับชุมชนครับ”
กฤตณัฐ ว่องนัยรัตน์
ปณิธาน สุบงกช สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมประวัติศาสตร์รวมถึงเรียนรู้การทอผ้าได้พูดคุยกับคนทอผ้าคนตัดเย็บหรือคนที่เป็นประธานกลุ่มทอผ้าปัญหาที่ทางเราจะเข้ามาช่วยแก้ไขพัฒนาคือ การออกแบบการตัดเย็บซึ่งได้เรียนรู้ว่า ป้าแต๋วมีความคิดที่อยากจะช่วยป้าๆ คนอื่นๆ ให้มีรายได้มีกิจกรรมร่วมกันมาเจอกันพบปะกัน และป้าแต๋วก็ได้ต่อยอดภูมิปัญญาของเขาวัฒนธรรม โดยเล่าเรื่องราวผ่านทางผ้า ผ่านทางชิ้นงานที่เค้าทำออกมาขาย ไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าที่สวมใส่ซึ่งจะมีทั้งของแต่งบ้าน ป้าแต๋วได้บอกกับผมว่า อยากได้ลูกค้าใหม่ที่เป็นวัยรุ่นซึ่งพวกผมก็จะออกแบบชุดเสื้อผ้าที่ลดอายุ เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ ผมก็แนะนำกับป้าแต๋วให้ตามเทรนด์ของวัยรุ่นดูว่า วันนี้วัยรุ่นเขาใส่อะไรกันมีอะไรอัปเดตไปขนาดไหนที่สำคัญจะต้องตามตลาดวัยรุ่นให้ทัน การลงพื้นที่ครั้งนี้ประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับอย่างแรกคือ รายได้ที่ดีขึ้นมีการอัปเดตแบบให้เข้าถึงวัยรุ่นมากขึ้นและในส่วนตัวของผมที่ได้ประโยชน์คือ ได้ฟังคนอื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ตัวเพราะว่าในวงการทำงานมันค่อนข้างแคบมากในวัยเรียนอย่างผมการที่เราได้ฟังเสียงของคนอื่นที่ไกลตัวเราสิ่งนี้ทำให้เราได้รับรู้ว่า ในชุมชนยังมีคนที่เขาต้องการความพัฒนาจากเราจากคนรุ่นใหม่ คนที่พร้อมที่จะให้ความรู้ใหม่ๆ กับพวกเขาครับ”
ปณิธาน สุบงกช
และเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา “ป้าแต๋ว” นิตยา ใจโต ประธานกลุ่มทอผ้าบ้านหนองลิงและสมาชิกได้เดินทางมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อดูผลงานการออกแบบสินค้าและผลงานการวางแผนธุรกิจด้านการตลาดของน้องๆ ได้กล่าวอย่างชื่นชมว่า “พวกเราตื่นตาตื่นใจกับการออกแบบเป็นร้อยๆ ชิ้น เกินความคาดหวังเห็นผลงานการออกแบบที่ทันสมัยคิดว่าเราน่าจะเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นได้ดี ถูกใจผลงานของน้องๆ เราไม่คิดเลยว่าผ้าของเราจะออกแบบมาได้สวยขนาดนี้ เราเลือกชุดที่จะนำไปตัดเย็บและขายได้จริง เพราะว่าเราพาช่างตัดเย็บมาด้วย ซึ่งช่างก็บอกว่าชุดแบบนี้เหมาะสมกับกลุ่มไหนขายได้จริงไหม เป็นเกียรติมากที่นักศึกษาช่วยออกแบบชุดให้ดูทันสมัยเป็นวัยรุ่นมากขึ้น การตลาดก็จะได้เพิ่มมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้วกระบวนการในการทำผ้าทอมือในแต่ละพื้นที่ มีความคล้ายคลึงกันแต่สิ่งที่ทำให้ผ้าทอมือในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างออกไป นอกจากวัตถุดิบที่แตกต่างกันแล้วก็คือลวดลายและเทคนิคการทอผ้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีรากฐานมาจากวิถีทางวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน ความเชื่อของกลุ่มชนนั้นๆ รวมไปถึง แรงบันดาลใจจากสภาพแวดล้อมจินตนาการของผู้ทอทำให้ผ้าทอแต่ละผืนมีความแตกต่างและสามารถสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของชุมชนนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี