พุทธสมาคมฯ กำลังผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางวิปัสสนากรรมฐานของโลก (ดร.ศุลีมาศ สุทธิสัมพัทน์ นายกพุทธสมาคมฯ)
รัฐบาลต้องส่งเสริมให้ผู้ชายไทยที่เป็นคนดีและเพียบพร้อมเข้าไปบวชพระ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา (ดร.ธรรมศักดิ์ พงศ์พิชญามาตย์ เลขาธิการ พุทธสมาคมฯ)
ไลฟ์ วาไรตี ชวนคุณไปสนทนากับ ดร.ศุลีมาศ สุทธิสัมพัทน์ นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และ ดร.ธรรมศักดิ์ พงศ์พิชญามาตย์เลขาธิกา พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
l ในโอกาสที่พุทธสมาคมฯ มีอายุครบ 90 ปีการก่อตั้งเมื่อต้นเดือนมีนาคม แล้วได้จัดงาน 90 ปีแห่งความยั่งยืน ร่มเย็นเป็นสุข เจริญด้วยธรรมะ วัตถุประสงค์ของงานคืออะไรครับ
ดร.ศุลีมาศ : ในงานนั้น เราจัดประชุมพุทธสมาคมทั่วราชอาณาจักรไทย และจัดงานมอบโล่เกียรติคุณ โพธิ์ทองคนต้นแบบ ให้ผู้ส่งเสริมทำนุบำรุงพุทธศาสนา โดยจัดงานที่หอประชุมกองทัพเรือ งานนี้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีให้เกียรติมาเป็นประธานของงาน
l คัดเลือกผู้ได้รับรางวัลอย่างไรครับ
ดร.ศุลีมาศ : พุทธสมาคมจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศคัดเลือกแล้วส่งรายชื่อให้กรรมการพุทธสมาคมฯ พิจารณาค่ะ คือผู้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาผู้ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งได้แก่อาจารย์สอนพระอภิธรรม ทั้งนี้ พุทธสมาคมฯ เน้นการเผยแผ่พระอภิธรรมเป็นสำคัญ โดยทำตามสิ่งที่หลวงบริบาลเวชกิจ (ยู้ ลวางกูร) ได้วางแนวทางไว้ และท่านก็ได้มอบที่ดิน 200 กว่าไร่ ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอบางปะกง ฉะเชิงเทรา ให้พุทธสมาคมฯ เพื่อให้นำไปใช้สร้างประโยชน์ให้กับพุทธสมาคมฯ โดยดอกผลจากที่ดินของท่านใช้เพื่อการสอนพระอภิธรรม
l ปัจจุบันใช้ประโยชน์ใดจากที่ดินดังกล่าวครับ
ดร.ศุลีมาศ : ให้เช่าทำโรงงานต่างๆ และมีโรงพิมพ์ รวมถึงโกดังเก็บสินค้าด้วย ดอกผลที่ได้จากที่ดินนี้ เรานำมาใช้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยได้เงินเฉลี่ยปีละประมาณ 10 ล้านบาท
l ทราบว่า พุทธสมาคมฯ จัดทำหนังสือเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาหลายเล่ม มีหนังสืออะไรบ้างครับ
ดร.ศุลีมาศ : เราได้ทำหนังสือออกไปแล้วหลายเล่ม เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับสังเวชนียสถานทั้งสี่คือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน หนังสือพุทธเจติยะ ธรรมเจติยะ และสังฆเจติยะ และประวัติพระพุทธเจ้า และล่าสุดในโอกาสครบ 90 ปี พุทธสมาคมฯ ก็ทำหนังสือชื่อปูชนียะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสังเวชนียสถานทั้งสี่ และพุทธประวัติของพระพุทธองค์ โดยแจกจ่ายหนังสือนี้ไปยังพุทธสมาคมทั่วประเทศ และให้ห้องสมุดโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยด้วย เพื่อใช้สำหรับอ้างอิงเชิงวิชาการ
l หนังสือมีจำหน่ายด้วยไหมครับ เผื่อว่ามีผู้สนใจต้องการหาซื้อไปอ่าน
ดร.ศุลีมาศ : มีจำหน่ายค่ะ เล่มละ 1 พันบาท ติดต่อได้ที่พุทธสมาคมฯ ค่ะ
l นอกจากการทำหนังสือแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เพื่อการส่งเสริมพระพุทธศาสนาอีกไหมครับ
ดร.ศุลีมาศ : พุทธสมาคมกำลังผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการวิปัสสนากรรมฐานของโลก เนื่องจากเห็นว่าหลวงปู่มั่น ท่านเป็นวิปัสสนาจารย์สำคัญของโลก ท่านได้รับการยกย่องจาก UNESCO ท่านเป็นที่รู้จักของผู้สนใจวิปัสสนาทั่วโลก ดังนั้นเราจึงร่วมกันผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการวิปัสสนาโลก
l ศูนย์นี้จะตั้งอยู่ที่ไหนครับ
ดร.ศุลีมาศ : อยู่ที่พุทธสมาคมฯ บางลำพูค่ะปัจจุบันเราเปิดรับผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมเป็นระยะๆ แต่ในอนาคตอาจจะเปิดประจำทุกเดือน เราจะเชิญอาจารย์สอนวิปัสสนามาให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม
l อบรมฟรีหรือไม่ครับ
ดร.ศุลีมาศ : เราอาจจะเก็บค่าบริการเบื้องต้นสำหรับเรื่องอาหารการกิน แต่เก็บในอัตราต่ำมาก เพื่อให้เรามีเงินสำหรับใช้จ่าย แต่ไม่เก็บเงินมากอย่างแน่นอน แล้วเราจะอบรมให้ครั้งละ 2-3 วัน โดยผู้อบรมต้องพักกับเราที่ศูนย์อบรม ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามและสมัครได้ที่พุทธสมาคมฯ เราเชื่อว่าถ้าคนไทยส่วนใหญ่รู้หลักวิปัสสนากรรมฐานที่ถูกต้องแล้ว จะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง สังคมของเราจะร่มเย็นเป็นสุข
l ในฐานะเลขาธิการของพุทธสมาคมฯ มองและมีทางแก้ปัญหาความเสี่อมเสียอันเกิดจากพฤติกรรมของสงฆ์บางรูปอย่างไรบ้างครับ โดยเฉพาะเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวประจำวัน เรื่องนี้ได้หารือกันภายในพุทธสมาคมฯ บ้างไหมครับ
ดร.ธรรมศักดิ์ : หากมองเรื่องนี้อย่างสบายๆ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมที่มีคนมากหลาย แต่หากจะมองไปที่พระธรรมของพระพุทธองค์ก็ต้องบอกว่าพระธรรมนั้นชัดเจน ถูกต้อง ครบถ้วน และดีงามตลอดเวลา ส่วนเรื่องที่เกิดจากสงฆ์บางรูปนั้นเป็นเรื่องของมนุษย์บางจำพวกเท่านั้น สังคมไทยมีประชากรประมาณ 70 ล้านคน แค่ในกรุงเทพฯมีประชากรประมาณ 10 กว่าล้านคน กรุงเทพฯเจริญรุ่งเรือง มีตึกรามบ้านช่องมากมาย รถราเต็มเมืองเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า ส่วนที่วิจารณ์ว่าเศรษฐกิจไทยตกต่ำ ก็ว่ากันไป แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น สำหรับผมผมคิดว่าพระธรรมคำสอนมีความสมบูรณ์สูงสุด ส่วนเรื่องของสงฆ์บางจำพวก ก็เป็นพฤติกรรมของคนในยุคที่ social media มีอิทธิพลมากเช่นนี้ การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ที่ออกไปสู่สังคมอาจทำให้เมื่อได้พบได้เห็นแล้วอาจไม่สบายใจ และตีความไปว่าคนอาจจะไม่นับถือพุทธศาสนา หรือไม่สนใจพุทธศาสนา แต่ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้มากนัก แต่ก็คิดว่าเราต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ต้องหาว่าต้นเหตุมาจากอะไร อะไรทำให้สงฆ์บางรูปมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เราต้องดูว่าพุทธบริษัทของเรารู้หลักพระธรรมคำสอนมากขึ้นหรือไม่ เท่าที่เห็นก็คือพุทธบริษัทจำนวนไม่น้อยประพฤติดีบางคนเรียนรู้หลักธรรมขั้นสูง ส่วนสงฆ์บางจำพวกอาจจะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แล้วถูกสื่อสังคมนำเสนอเรื่องไม่ดีออกไป ก็เป็นการเลือกเสนอเฉพาะมุมที่ไม่ดีเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปมันสนใจเรื่องที่ผิดปกติ เรื่องไม่ดี เพราะดูแล้วตื่นเต้น แต่เราต้องช่วยกันดูแลเรื่องนี้ และก่อนที่จะสื่อสารอะไรออกไปก็ต้องตรวจสอบก่อนว่าจริงเท็จอย่างไร หรือเป็นเพียงการสร้างประเด็นหวือหวาเท่านั้น บางคนเน้นนำเสนอเรื่องหวือหวามาก แต่ลืมนึกไปว่าสิ่งที่นำเสนอ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธศาสนา ทั้งๆ ที่ยังมีพระภิกษุดีๆ อีกมาก
l แต่สิ่งที่สื่อฯ โดยเฉพาะสื่อสังคม รวมถึงสื่อฯ หลักนำเสนอข่าวที่ไม่ดีของสงฆ์ ก็มาจากเรื่องจริง ไม่ใช่หรือ ไม่ได้มาจากการสร้างข่าว คนที่ทำผิดตามที่ข่าวนำเสนอก็ถือว่าพ้นจากการเป็นสงฆ์ไปโดยปริยายแล้ว ส่วนพระดีๆ ก็ยังมีอยู่ แต่เรื่องพระดีกับพระไม่ดีก็เป็นเรื่องจริง ดังนั้นจะจัดการกับสงฆ์ที่ทำผิดพระธรรมวินัยอย่างไร
ดร.ธรรมศักดิ์ อยากจะเรียนว่า คนเราต้องดูตัวเองเสียก่อนว่า เราอยู่ในกรอบธรรมะหรือไม่ ถ้าเราทำดีแล้ว เราก็คือตัวจักรตัวหนึ่งที่ช่วยจรรโลงพุทธศาสนา เราไม่ควรติฉินว่าคนหนึ่งเลว แล้วทำให้เลวไปทั้งหมด ต้องแยกแยะให้ได้ ไม่เหมารวม เมื่อแยกแยะแล้วก็ต้องให้ความเคารพกับสิ่งที่ดี บางครั้งการนำเสนอเรื่องไม่จริง ได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับพุทธศาสนาอย่างมาก พูดถึงเรื่องสงฆ์ที่ทำความเสียหายต่อภาพลักษณ์พุทธศาสนา ก็ต้องดูให้ลึก ไม่ใช่โทษพ่อแม่ของเขา หรือโทษตัวเขา แต่ต้องโทษระบบที่ไม่สนับสนุนให้คนดีๆ เข้าไปบวชพระ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญจริงจังกับเรื่องนี้ ต้องสนับสนุนให้คนดีตามหลักพุทธศาสนาเข้าไปบวช ต้องสนับสนุนให้ลางานไปบวชได้โดยต้องได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน บริษัทต้องช่วย และรัฐบาลก็ต้องช่วย การช่วยเช่นนี้จะทำให้ได้พระสงฆ์ดีมีคุณภาพ มีพฤติกรรมเหมาะสมส่วนวัดต่างๆ ก็ต้องเน้นความเป็นพุทธะจริงๆ ไม่ใช่ภายในวัดเต็มไปด้วยสิ่งมอมเมาประชาชน ไม่ปฏิบัติตามหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ หากวัดใดไม่ทำตาม ก็ต้องถูกตัดออกจากบัญชีของความเป็นวัดของศาสนาพุทธ ชาวพุทธต้องศึกษาพระไตรปิฎกให้ถ่องแท้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระไตรปิฎกให้วัดต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ปรากฏว่าพระไตรปิฎกถูกเก็บไว้ในตู้ ไม่มีการนำออกไปอ่าน กุญแจตู้ถูกเก็บไว้ที่เจ้าอาวาส เรื่องแบบนี้ถือว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเราต้องส่งเสริมให้คนอ่านพระไตรปิฎก ไม่ใช่เอาไปเก็บไว้ในตู้ ต้องส่งเสริมให้สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเรื่องราวของพระไตรปิฎกด้วย ส่วนเรื่องพระสงฆ์ประพฤติไม่เหมาะสม ก็ต้องถูกตรวจสอบโดยเจ้าอาวาส และพระวินัยธรอย่างเคร่งครัด ต้องช่วยกันดูแล ชาวบ้านก็ต้องช่วยกันด้วย สำนักพระพุทธศาสนาทุกจังหวัดก็ต้องเข้าไปตรวจสอบ ถ้าพบว่าทำผิดจริงและผิดหนัก ก็ต้องให้ลาสิกขาไป ถ้าผิดกฎหมายก็ว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย เรื่องเหล่านี้ต้องทำให้จริงจัง แต่ผมยังเห็นว่า เราต้องเอาคนดีจริงๆเข้าไปเป็นพระ ทางการต้องช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ หลักการของศาสนาพุทธ มีพระวินัยเป็นแกนหลัก ทุกคนต้องเคร่งครัดในหลักพระธรรมวินัย พระทุกรูปต้องเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ต้องช่วยกันดูแลกันและกัน ทำตามคำสอนพระพุทธองค์อย่างจริงจัง เรายอมรับว่าพระสงฆ์มีทั้งดีและไม่ดี แต่หากไม่นำเสนอสิ่งไม่ดีภาพลบก็จะเกิดขึ้นกับพุทธศาสนาน้อยลง เรื่องใดที่ยังไม่แน่ใจก็ยังไม่ต้องนำเสนอ รอให้ชัดเจนก่อนจึงนำเสนอ
l หากสื่อฯ ไม่นำเสนอเรื่องสงฆ์ประพฤติผิดแล้วสังคมจะทราบได้อย่างไร เท่ากับสื่อฯ ไม่รายงานสิ่งที่จำเป็นให้สาธารณชนทราบ เพราะที่นำเสนอไปนั้นก็เป็นเรื่องจริง คนบางคนขาดจากการเป็นสงฆ์ตั้งแต่วินาทีที่ทำผิดพระธรรมวินัยขั้นร้ายแรงไปแล้ว
ดร.ธรรมศักดิ์ : ผมเห็นว่าสื่อฯ ควรนำเสนอหลังจากเรื่องนั้นผ่านกระบวนการตัดสินและตรวจสอบแล้ว เมื่อคนนั้นถูกถอดออกจากความเป็นสงฆ์แล้ว แต่เท่าที่เห็นคือสื่อฯ นำเสนอข่าวร้อนโดยทันที ซึ่งเรื่องที่นำเสนออาจถูกพลิกผันได้ พุทธศาสนาสอนว่า เราอย่าเชื่อในสิ่งที่ไม่จริง แม้คำพูดของครูอาจารย์ก็ต้องไม่รีบเชื่อ ต้องอาศัยหลักกาลามสูตร เราต้องคิดทบทวนให้ดีเสียก่อน ศาสนาพุทธเน้นเรื่องการปฏิบัติ ดังนั้นพระธรรมจึงเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น และถือเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย เพราะเป็นหลักความจริง จริงตามธรรมชาติ พฤติกรรมต่างๆ ของคนเรานั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ความจริงทั้งหมด ทรงเห็นพฤติกรรมทั้งดี และเลวของคน เราจึงต้องเน้นการปฏิบัติตามพระธรรมของพุทธองค์ พุทธศาสนายึดมั่นในหลักการกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราไม่มีการแก้กรรม แก้ชง เราแก้การกระทำที่ทำไปแล้วไม่ได้ คือแก้กรรมเก่าไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันและวันต่อๆ ไปให้ดีได้ ดังนั้นวัดไหนที่ทำพิธีแก้ชงให้ประชาชน ควรถูกตัดออกจากบัญชีวัดของพุทธศาสนา เพราะไม่ทำตามคำสอนของหลักพระธรรม ชาวพุทธแท้ต้องทำตามคำสอนจากพระธรรม
คุณจะได้ชมรายการไลฟ์ วาไรตี รายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี