โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ที่เป็นมักมีอาการอย่างเฉียบพลัน แต่หากมาถึงมือแพทย์เร็วทันเวลา ก็มีโอกาสรักษาให้หายเป็นปกติได้
นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ประสาทศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคหลอดเลือด สมอง หรือ Stroke เกิดจากการที่หลอดเลือดสมองมีการอุดตัน ตีบ หรือแตก ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการแสดง เช่นหน้าเบี้ยว ตาพร่ามัวมองเห็นภาพซ้อน อ่อนแรงชาครึ่งซีก หรือเป็นอัมพาตแบบครึ่งซีก พูดไม่ชัดหรือพูดไม่ได้ เป็นต้น โดยมักเกิดในกลุ่มวัยกลางคนขึ้นไป แต่พบได้มากในกลุ่มผู้สูงอายุเนื่องจากหลอดเลือดเสื่อมตามวัย
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 mmHg เป็นระยะเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมการทำงานเร็วกว่าปกติ ส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดภาวะหลอดเลือดตีบ แตก หรืออุดตันได้ โรคเบาหวาน ทำให้เกิดผนังหลอดเลือดเสื่อมการทำงาน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดปัญหาหลอดเลือดสมองต่างๆ ที่กล่าวมาได้ โรคหัวใจ เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคผนังหัวใจรั่วโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดกระจายไปอุดเส้นเลือดสมองได้โรคไขมันโลหิตสูง ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด เกิดการสะสมไขมันที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเสื่อม ส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดภาวะหลอดเลือดตีบ แตก หรืออุดตันได้
การสูบบุหรี่ มีสารที่เร่งความเสื่อมของหลอดเลือดสมอง เกิดภาวะโรคทางหลอดเลือดสมองได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 6 เท่า ดังคำกล่าวที่ว่า “The more you smoke the more you stroke” ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ ก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดกระจายไปอุดตันหลอดเลือดสมองและอวัยวะต่างๆ ได้ โรคอ้วน และ ขาดการออกกำลังกาย เนื่องจากการออกกำลังกายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจได้ เป็นปัจจัยที่ช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดสมองเสื่อม และเพิ่มการทำงานของหัวใจ ช่วยลดการเกิดปัญหาหลอดเลือดสมองได้อย่างมาก
การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจสมองด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan), การตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI และ MRA), การตรวจการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดในสมอง (Transcranial Doppler : TCD), และการตรวจหลอดเลือดคอ (Carotid Doppler) เป็นต้น ซึ่งผลการตรวจที่แม่นยำจะสามารถช่วยให้แพทย์วางแผนการป้องกัน และรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง คือการทำให้เซลล์ของสมองยังอยู่รอดให้ได้นานที่สุด โดยการที่เลือดไหลเวียนได้ทันเวลาและในระดับที่เหมาะสม จะสามารถทำให้เนื้อสมองที่ได้รับผลกระทบฟื้นตัวได้เร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้โดยในระยะแรกที่เกิดอาการ แพทย์จะทำการประเมินผู้ป่วย หากมีข้อบ่งชี้ของการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือดและไม่มีข้อห้าม แพทย์จะให้ยาละลายลิ่มเลือดภายใน 4.5 ชั่วโมง แต่ในกรณีที่มีหลอดเลือดสมองขนาดใหญ่อุดตัน แพทย์จะรักษาโดยการใช้สายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบและขึ้นไปที่สมอง เพื่อนำเอาลิ่มเลือดที่อุดตันในหลอดเลือดออกมา (Mechanical thrombectomy) การรักษาที่สามารถทำได้รวดเร็ว ส่งผลให้การบาดเจ็บของสมองที่เกิดขึ้นน้อยลง และได้ผลลัพธ์การทำงานของสมองที่ดี
ผู้ป่วยควรควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการเพื่อลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ควมคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวสูง หลีกเลี่ยงสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ควบคุมระดับน้ำตาลในโรคเบาหวาน ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รับประทานผลไม้และผักให้มากยิ่งขึ้นและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
โรคหลอดเลือดสมองมักส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนรอบข้าง ดังนั้น นอกจากการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง สิ่งสำคัญคือ หมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะหากรู้ตัวเร็วยังมีโอกาสรักษาได้ทัน และลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้
นพ.พงศกร พงศาพาส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี