กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอเชิญชวนหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตลอดจนสื่อมวลชน ร่วมรณรงค์ตรวจเอชไอวีส่งเสริมให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและประชาชนทั่วไปได้รับการตรวจและทราบสถานะการติดเชื้อของตนเองเพื่อเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ ทั้งด้านการป้องกันและการดูแลรักษา
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าทุกวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ตรวจเอชไอวี (Voluntary
Counseling and Testing Day: VCT Day) เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนทุกคนเข้าใจและเห็นความสำคัญของการรู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์
สถานการณ์เอชไอวีประเทศไทยในปี 2565 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 561,578 คน (ข้อมูลจาก Thailand Spectrum-AEM, 27 เม.ย. 2566) และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง จำนวน 507,009 คน คิดเป็นร้อยละ 90 (ข้อมูลจากระบบสารสนเทศการให้บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์แห่งชาติ) ซึ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเองและยังไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้น การส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับบริการตรวจคัดกรองเพื่อทราบสถานะการติดเชื้อของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาโดยเร็ว ภายใต้แนวคิด “Normalize HIV Testing : ตรวจฟรี ตรวจง่าย ตรวจเอชไอวีให้เป็นเรื่องปกติ”
ตรวจฟรี รักษาฟรี คุณภาพชีวิตดีคนไทยทุกคนมีสิทธิ์ตรวจเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยควรตรวจหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงประมาณ 1 เดือน หากผลตรวจพบว่ามีเชื้อเอชไอวี สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาฟรีครอบคลุมทุกสิทธิการรักษาด้วยยาต้านไวรัสทันที(same day ART) ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เมื่อกินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ตรงเวลา และสม่ำเสมอ จะช่วยกดปริมาณไวรัสในกระแสเลือดได้สำเร็จจนตรวจไม่พบ ไม่ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีไปยังผู้อื่นลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ลดการเสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากผลตรวจไม่พบเชื้อจะได้รับคำปรึกษาและความรู้ที่ถูกต้องในการป้องกัน เช่น การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี การใช้ยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ (Pre-Exposure Prophylaxis หรือ PrEP) การใช้ยาป้องกันหลังการสัมผัสเชื้อ (Post-Exposure Prophylaxis หรือ PEP)
ตรวจง่าย ด้วยตนเอง ตรวจให้เป็นเรื่องปกติชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-test) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสามารถตรวจได้ง่าย ใช้ตรวจหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงมาประมาณ 90 วัน ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ชุดตรวจที่ตรวจจากเลือดเจาะปลายนิ้ว รู้ผลภายใน 1 นาที และชุดตรวจที่ตรวจจากน้ำในช่องปาก รู้ผลภายใน 20 นาที ตรวจและทราบผลด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา มีความเป็นส่วนตัว และสามารถหาซื้อที่ร้านขายยาทั่วไป หากผลการตรวจด้วยตนเองเป็นบวกควรตรวจยืนยันที่โรงพยาบาล เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว
ตรวจเอชไอวีให้เป็นเรื่องปกติ การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะทำให้ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง ซึ่งถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและคู่ เนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวีไม่สามารถบ่งบอกจากภายนอกได้ว่ามีเชื้อหรือไม่ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกตรวจด้วยตนเอง หรือตรวจที่โรงพยาบาล ช่วยตอบโจทย์ความต้องการให้กับประชาชน และทำให้การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องปกติ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เพิ่มบริการชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองในประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชน สามารถรับบริการตรวจเอชไอวีได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เข้าถึงง่าย เข้าถึงได้เป็นเรื่องปกติ
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค โดยกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ประชาชนมีความตระหนักในการใช้ถุงยางอนามัยเสมอ ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ กับทุกคนทุกช่องทาง ซึ่งนับเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ได้จัดทำข้อมูลและสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความตระหนักให้การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องปกติพร้อมเชิญชวนร่วมกิจกรรมรณรงค์ผ่านช่องทางออนไลน์ เพจ กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดเดือนกรกฎาคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี