มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง หรือ colorectal cancer เป็นมะเร็งที่พบบ่อยทั้งระดับประเทศและโลก จากสถิติในปี 2020 คนไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งนี้ประมาณ 20,000 คน จัดเป็นมะเร็งอันดับที่ 4-5 ในคนไทย ในปีเดียวกัน มีการเสียชีวิตจากมะเร็งนี้ประมาณ 10,000 ราย จากข้อมูลจะเห็นได้ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญระดับประเทศ ที่เราต้องให้ความรู้กับประชาชน เพื่อให้ดูแลตนเองให้ถูกต้อง เพื่อลดการป่วยและตายจากโรคมะเร็งนี้
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ และปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้
ก่อนอื่นเรามาพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ก่อนเพื่อจะได้ทราบว่าขณะนี้ตนเองมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด และต้องเฝ้าระวังอาการของตนเองในระดับใด ปัจจัยเสี่ยงชนิดนี้ ได้แก่
(1) ความชรา ซึ่งเราเลี่ยงมิได้ อายุที่เพิ่มขึ้น ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการพบมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง โดยเฉพาะอายุที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
(2) เคยตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่และไส้ตรง หรือมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
(3) เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
(4) การมีโรคทางกรรมพันธุ์บางชนิด เช่น Lynch Syndrome (hereditary non-polyposis colorectal cancer หรือ
HNPCC), familial adenomatous polyposis (FAP) เป็นต้น
(6) มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้
(7) เป็นโรคเบาหวาน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ซึ่งประชาชนควรอย่างยิ่งที่จะต้องทราบเพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เพื่อลดโอกาสการเจ็บป่วยลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีความเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้อยู่แล้ว ได้แก่
(1) มีน้ำหนักเกินหรือมีภาวะอ้วน
(2) ไม่ออกกำลังกาย หรือชอบอยู่ในสภาวะเนือยนิ่ง
(3) บริโภคอาหารบางจำพวกมากเกินไป เช่น เนื้อแดง ไขมันสัตว์ เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบค่อน เป็นต้น
(4) สูบบุหรี่
(5) ดื่มสุรา
ซึ่งในส่วนของข้อ 4 และ 5 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นด้วย
กุญแจสำคัญที่จะทำให้การรักษามะเร็งประสบความสำเร็จ ยืดชีวิตคนไข้ได้นานที่สุดคือ การค้นพบโรคได้เร็วที่สุด อย่างน้อยก่อนที่โรคจะอยู่ในระยะลุกลาม เพราะเมื่อมะเร็งลุกลามออกนอกจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคแล้วการรักษาจะยากขึ้นมาก
ดังนั้น สมาคมวิชาชีพด้านสาธารณสุขจึงพยายามออกคำแนะนำเพื่อให้เกิดการตรวจคัดกรองอย่างทันเวลา ก่อนที่โรคมะเร็งจะแสดงอาการ
สมาคมแพทย์ทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงไว้ดังนี้ บุคคลทั่วไปที่อายุ 50 ปีขึ้นไปทุกคน จัดเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงปานกลาง ควรไปการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตามพบอุบัติการณ์มะเร็งลำไส้ใหญ่สูงขึ้นในคนอายุน้อยลงในระยะหลังๆ ดังนั้น ในบางแนวทางปฏิบัติจึงแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองเร็วขึ้นตั้งแต่อายุ 45 ปี
ผู้มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองเร็วขึ้นตามความเสี่ยงที่มี ได้แก่ ผู้ป่วยโรคพันธุกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ผู้มีญาติลำดับที่ 1 (บิดา มารดา พี่ น้องร่วมสายเลือด) ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือตรวจพบติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นมะเร็งสูง ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังหรือ (inflammatory bowel disease (IBD) ผู้ป่วยที่มีประวัติมีติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ หรือเคยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อน
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงหลักๆ มี 3 วิธี ได้แก่
(1) ตรวจหาเลือดออกแฝงในอุจจาระทุก 1-2 ปี
(2) การตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ซึ่งโดยประมาณทำทุก 10 ปี ถ้าผลตรวจไม่พบความผิดปกติ (3) การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่
ภาครัฐโดย สปสช. เห็นความสำคัญของการตรวจคัดกรองนี้เช่นเดียวกัน ไม่เฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเท่านั้น ประชาชนที่มีสิทธิบัตรทองสามารถใช้สิทธิประโยชน์ตรวจคัดกรองมะเร็ง 3 รายการ คือ มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งช่องปาก อย่างสะดวกสบายโดยใช้บริการได้ที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น รพ.สต. สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาล ที่เป็นหน่วยบริการประจำตามสิทธิ หรือสถานพยาบาลที่ท่านไปใช้บริการเป็นประจำ
เพียงเท่านี้ ท่านก็พอจะทราบถึงแนวทางที่ทำให้ชีวิตห่างไกลจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ และช่วยลดโอกาสพบการเกิดมะเร็งในระยะที่รักษายากได้ด้วย
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี