ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ได้แก่ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม และ สาขาวิชาชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครโรงเรียนในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และโรงเรียนในสังกัดคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์ โครงการ “ห้องเรียนสร้างเด็กสมดุล” เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพ ในเด็กและเยาวชน ผ่านแนวคิด “สามเหลี่ยมสมดุล : วิ่งเล่น กินดี นอนพอ” เพื่อให้เด็กและเยาวชนในวัย 6-12 ปีมีสุขภาวะที่ดี เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต มีพัฒนาการทางสุขภาพกายและใจ
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้กล่าวว่า การพัฒนาให้เด็กหนึ่งคนเป็นเด็กที่มีคุณภาพ มีสุขภาพที่ดี จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การนอนหลับพักผ่อน การรับประทานอาหาร และการเล่น หรือการขยับร่างกายที่เหมาะสม โดยทั้ง 3 ส่วนจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมกัน ทั้งที่บ้าน และโรงเรียน
ดร.สง่า ดามาพงษ์
ปัจจุบันสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เด็กมักจะเล่นกับหน้าจอมากกว่าการทำกิจกรรมอื่น ทำให้การได้เรียนรู้ลดลงตามไปด้วย สำหรับการนอนหลับ เด็กๆ ควรจะนอนให้ได้ 9-12 ชั่วโมง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้การพักผ่อนของเด็กๆ ปรับเปลี่ยนตามผู้ปกครองด้วยเช่นกัน อาทิ ถ้าผู้ปกครองต้องออกไปทำงาน และยังต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนก่อน ก็จะทำให้เด็กต้องตื่นเช้าตามผู้ปกครองไปด้วย ส่วนการรับประทานอาหารจะเห็นว่าเด็กมีความอ้วน เกิดจากการทานขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม น้ำตาล และการที่เด็กเห็นพ่อแม่ดื่มหรือรับประทาน เด็กเองก็อยากทานบ้าง จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้เด็ก หลีกเลี่ยงอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ที่ไม่มีประโยชน์ด้วยการไม่ซื้อเข้ามาในบ้าน ทำให้ตัวเลือกในการรับประทานของเด็กจะน้อยลง และเริ่มทานอาหารที่พ่อแม่เตรียมให้ ซึ่งขณะนี้มีเด็ก จำนวน 20% เท่านั้น ที่มีการขยับร่างกายตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่มาสนับสนุนว่าเด็กจะเก่งได้จะต้องได้เล่น ได้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย และการที่ร่างการได้พักผ่อนอย่างเพียงพอร่างกายก็พร้อมจะเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี พฤติกรรมที่ดี ร่างกายที่ดี สสส. เล็งเห็นถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน จึงเตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์แคมเปญนี้ ไปทั่วประเทศ พร้อมทั้งทำสื่อการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
ดร.เจษฎา อานิล
สำหรับกิจกรรมโรดโชว์ที่จะจัดขึ้นจะมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับ“สามเหลี่ยมสมดุลทั้ง 3 ด้าน” ไม่ว่าจะเป็น ดร.สง่า ดามาพงษ์ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ที่จะมาให้ความรู้สะท้อนมุมมองเรื่อง “กินดี มีประโยชน์ เสริมสร้างพัฒนาการอย่างไร”, ดร.เจษฎา อานิลอาจารย์ประจำวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จะมาสะท้อนมุมมองเรื่อง “นอนพอ กุญแจสู่พัฒนาการที่ดี” และรศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จะมาสะท้อนมุมมองเรื่อง “ทำไมต้องวิ่งเล่น... วิ่งเล่นอย่างเหมาะสมดีอย่างไร” พร้อมการทำกิจกรรม“จัดตารางชีวิต สร้างเด็กสมดุล”
ทั้งนี้ การโรดโชว์ โครงการ “ห้องเรียนสร้างเด็กสมดุล” ได้ดำเนินการจัดไปแล้วครั้งแรกที่โรงเรียนวัดใหม่ผดุงเขต จ.นนทบุรีซึ่งมีครูและผู้ปกครองจาก 10 โรงเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม นับว่าได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง และจะมีการจัดกิจกรรมไปยังภูมิภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2566ณ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี จ.อุดรธานีภาคเหนือ วันที่ 23 กรกฎาคม 2566 ณ โรงเรียนวัดศรีปิงเมือง จ.เชียงใหม่ ภาคใต้ วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ณโรงเรียนชุมชนบ้านสี่แยก จ.นครศรีธรรมราชปิดท้ายภาคกลาง วันที่ 25 สิงหาคม2566 ณ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถมกรุงเทพฯ
ผู้สนใจโครงการ “ห้องเรียนสร้างเด็กสมดุล” สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โทร. 02-3431500 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.resourcecenter.thaihealth.or.th เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. และ ยูทูบ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.
รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี