วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
15 กรกฎาคม 2566 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) จัดประชุมวิชาการ “Sustainable Management and Collaboration for Climate Change in Action” ภายใต้หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 10 (ปธส.10) เพื่อเสริมศักยภาพผู้นำการเปลี่ยนแปลงและเป็นต้นแบบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสร้างความเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการสิ่งแวดล้อมทุกภาคส่วน ซึ่งได้รับเกียรติจากนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาร่วมเสวนา ในหัวข้อ “Sustainable Management and Collaboration for Climate Change in Action” โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม คณะผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
.jpg)
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า วันนี้ได้รับเกียรติเป็นผู้ร่วมเสวนา ในหัวข้อ “Sustainable Management and Collaboration for Climate Change in Action” มีสาระสำคัญ ได้แก่ แนวทางการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ Net zero emission ของแต่ละภาคส่วน ความร่วมมือเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายควรเป็นอย่างไร และ Collaboration to net zero จะพลิกโฉมประเทศไทยได้อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาเวทีการประชุมในระดับโลกและระดับภูมิภาค ได้หยิบยกปัญหาโลกร้อนมาเป็นประเด็นสำคัญ รวมถึงประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง มีค่าดัชนีความเสี่ยงด้านภูมิอากาศโลก (Global Climate Risk Index : CRI) เป็นลำดับที่ 9 ของโลก ดังนั้นการเสวนาในวันนี้จึงมีความสำคัญในการร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพครบทุกมิติ เดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 และที่สำคัญการจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นรูปแบบคาร์บอนนิวทรัลอีเว้นท์ (Carbon Neutral Event) โดยชดเชยการปล่อยคาร์บอนจากการจัดกิจกรรมด้วยคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER อีกด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีนโยบายทบทวน ปรับบทบาท ภารกิจและโครงสร้างของหน่วยงาน เสนอเปลี่ยนชื่อ “กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” โดยนำภารกิจของกองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ ผนวกรวมกับภารกิจของ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีจุดแข็งด้านการสร้างจิตสำนึก สร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มขีดความสามารถของประชาชน มีฐานเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงมีการศึกษา วิจัย พัฒนาสารสนเทศ และถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนชื่อ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็น กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม แล้วเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566
และในวันนี้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการเปิดศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ณ ศูนย์บริการประชาชน ชั้น 2 อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานกลาง บูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของทุกจังหวัด รวบรวมข้อมูลการลดและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เป็นศูนย์เรียนรู้และสื่อสารข้อมูลองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงเป็นศูนย์ติดตาม การพยากรณ์และคาดการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การที่จะบรรลุเป้าหมายได้นั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงนักศึกษา ปธส.10 ที่จะมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและเป็นต้นแบบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายวราวุธ กล่าวทิ้งท้าย
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี