Bridge across the Seine at Arsenieres 1887
แม้ผลงานก่อนปี 1885 ของ Van Gogh จะมีนักขายงานศิลปะสนใจอยู่บ้างแต่กลับขายไม่ค่อยได้ เขาต่อว่า Theo น้องชายว่าไม่ใช้ความพยายามให้มากพอในการขายงานของเขา แต่ Theo แย้งว่า งานของเขาขายไม่ได้เพราะมันดูหมองหม่นมืดมัวเกินไป ตลาดชอบงานสดใสแบบ Impressionism มากกว่า ปลายปีเขาย้ายไปอยู่ Antwerp เนเธอร์แลนด์และอาศัยอยู่อย่างยากจนโดยกินแค่ขนมปังกับกาแฟ และสูบแต่บุหรี่ เพราะเอาเงินที่น้องชายให้ไปซื้อสีมาเขียนภาพจนทำให้ฟันผุ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เขายังศึกษาทฤษฎีสี และภาพเขียนเก่าๆ ของPeter Paul Rubens และซื้อภาพของ Ukiyo-eจนใช้เป็นทั้งแรงบันดาลใจและต้นแบบสำหรับงานของเขาในเวลาต่อมา ปีต่อมาเขากลับไปดื่มหนักอีกครั้งและต้องเข้าโรงพยาบาลในเดือนมีนาคม 1886 เพื่อรักษาซิฟิลิส
หลังออกจากโรงพยาบาล เขาเข้าสอบ Academy of Fine Arts อีกครั้งที่ Antwerp เพื่อเรียนเขียนภาพและภาพร่าง แต่สุดท้ายเขาก็ทะเลาะกับอาจารย์ทุกคนในมหาวิทยาลัยจนอาจารย์ให้ซ้ำชั้น เขาจึงตัดสินใจเลิกเรียนในที่สุดหลังจากเข้าเรียนได้เพียงแค่ปีเดียว เขาย้ายกลับไปอยู่ปารีสและแบ่งที่อยู่กับ Theo ในมองมาร์ต เขาได้สร้างสรรค์ผลงานหลายชิ้นที่นี่ หลังจากเขาได้เห็นผลงานPortrait of Adolphe Monticelli เขาก็เริ่มเปลี่ยนแนวทางการสร้างงานด้วยการใช้สีที่สดใสและฝีแปรงที่ใหญ่และชัดเจนขึ้นปลายปี 1886 Theo เริ่มรู้สึกว่าการอยู่กับ Van Gogh อึดอัดเกินไป เขาเลยย้ายไป Asnieres และได้รู้จักกับ Signac จนรับเอาแนวทางศิลปะแบบ Pointillism มาร่วมด้วย
Apricot Tree in Blossom 1888
พฤศจิกายน 1887 ขณะที่เขากำลังจะจัดนิทรรศการร่วมกับ Bernard Anquetin และ Toulouse-Lautrec เขาและ Theoได้รู้จักกับ Paul Gauguin ซึ่งเพิ่งมาถึงปารีสและได้แลกผลงานกัน หลังจบนิทรรศการ เขารู้สึกเบื่อหน่ายมากจึงย้ายไป Arles เมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และทิ้งผลงาน 200 ชิ้นไว้กับ Theo แม้เขาจะยังคงดื่มหนักแต่ช่วงเวลาในเมือง Arles นี้ กลับเป็นช่วงที่เขาสร้างสรรค์ผลงานไว้เป็นจำนวนมากถึง 300 กว่าชิ้น โดยส่วนใหญ่เป็นภาพเกี่ยวกับชนบท การเก็บเกี่ยว กองฟางโดยเน้นการใช้สีเหลืองเป็นหลัก
7 พฤษภาคม 1888 เขาย้ายจากHotel Carrel ไปอยู่ที่ Café de la Gare ที่ซึ่งเขาให้ความเห็นว่า Café เป็นสถานที่ที่ทำให้เขาทำลายตัวเอง บ้า และก่ออาชญากรรม 23 ธันวาคม 1888 เขาเหมือนได้ยินเสียงหลอนจนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงใช้มีดโกนตัดหูจนเลือดนองเต็มไปหมดเขาเลยเอาผ้าพันแผลปิดหูไว้และเอาหูหิ้วไปหาโสเภณีที่เขาและ Gauguin ไปใช้บริการเป็นประจำ วันรุ่งขึ้นตำรวจไปพบเขาหมดสติจึงพาเขาไปโรงพยาบาลและได้เข้ารับการรักษาจาก Felix Rey แพทย์ฝึกหัด แต่แพทย์กลับไม่สามารถต่อหูให้เขาได้แล้วเพราะหูได้เน่าไปเสียแล้ว ที่โรงพยาบาลแห่งนี้เขาได้รับการวินิจฉัยว่ากำลังอยู่ในอาการ Mania และหลง Gauguin ซึ่งในช่วงเวลานั้นยังอยู่กับเขาได้แจ้งให้ Theo ทราบ ในเวลานั้น Theo กำลังจะแต่งงานแต่เขาก็เดินทางมาหา Van Gogh ในวันคริสต์มาสและรีบกลับไปแต่งงาน
นักท่องเที่ยวที่ได้ชมผลงานของ Van Gogh ใน Kunsthaus Zurich จะเห็นว่าผลงานตั้งแต่ปี 1886 ของเขาแตกต่างจากก่อนปี 1885 ค่อนข้างมาก นั่นคือ เริ่มมีสีสันที่สดใส และมีฝีแปรงที่ใหญ่ขึ้นซึ่งเป็นช่วงที่เขาเริ่มสร้างอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง
Apricot Tree in Blossom detail 1888
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี