นพ.ณัฐพล อภิกิจเมธา
เชื่อว่าหลายคนที่เคยมีรูปร่างอวบอ้วน ต้องเคยมีประสบการณ์ลดความอ้วนในหลากหลายวิธีมาแล้วไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การคุมอาหาร รวมถึงการใช้ยาลดน้ำหนัก ซึ่งหลายคนอาจลดน้ำหนักได้ ขณะที่อีกหลายคนอาจจะกลับมาอ้วนใหม่หากไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคอ้วน
นายแพทย์ณัฐพล อภิกิจเมธา ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้อง ศูนย์ศัลยกรรม (General Surgery Center) โรงพยาบาลนวเวชได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักรักษาโรคอ้วน หนึ่งในวิธีการรักษาที่ผู้รับการรักษามีโอกาสที่จะกลับมาอ้วนน้อยลง
โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันมากเกินไป นำมาซึ่งปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมามากมาย คนส่วนใหญ่ทราบอยู่แล้วว่าวิธีลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนมีหลายวิธี ทั้งการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งใช้ยาลดน้ำหนักหลายๆ ท่านคงเคยพยายามที่จะลดน้ำหนักซึ่งส่วนใหญ่พบว่าทำได้ยาก
ปัจจุบัน มีการผ่าตัดกระเพาะอาหารซึ่งถือเป็นมาตรฐานในการรักษาโรคอ้วนและลดน้ำหนักที่ได้ผลดีมาก มีโอกาสกลับมาอ้วนน้อยกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นอีกทั้งยังสามารถรักษาหรือลดความรุนแรงและลดโอกาสเกิดโรคร่วมอื่นๆ ที่เกิดจากความอ้วนได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดสมอง โรคเส้นเลือดหัวใจ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคข้อเสื่อม (ข้อเข่า ข้อสะโพก กระดูกสันหลัง) ภาวะมีบุตรยาก ภาวะประจำเดือนมาผิดปกติ ไขมันเกาะตับ หอบหืด เป็นต้น
ภาพการผ่าตัดแบบสลีฟ (Sleeve gastrectomy)
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักรักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery) เป็นการผ่าตัดเพื่อตัดกระเพาะอาหารออกให้เล็กลง เพื่อจำกัดปริมาณการกิน ลดการดูดซึมอาหาร และลดการหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นความหิว พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ทำให้เรากินอาหารได้น้อยลง และมีความหิวน้อยลงด้วย
ใครบ้างที่เข้าข่ายสามารถรักษาโรคอ้วนด้วยการผ่าตัด? มีอายุ 18-65 ปี และ มีค่า BMI ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1.มีค่า BMI 37.5 ขึ้นไป หรือ 2.มีค่า BMI 32.5 ขึ้นไป โดยที่มีโรคร่วมอื่นๆ ด้วย หรือ 3.มีค่า BMI 30 ขึ้นไป โดยที่ไม่สามารถคุมโรคร่วมอื่นๆ ได้ดีด้วยการรักษาแบบปกติ (เช่น ไม่สามารถควบคุมโรคเบาหวานด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การคุมอาหารและการใช้ยาอย่างเต็มที่แล้ว) ***(ค่า BMIคำนวณได้จาก น้ำหนักหารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง เช่น ถ้ามีน้ำหนัก 77 kg, สูง160 cm จะมีค่า BMI = 30.1)
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักรักษาโรคอ้วนที่ได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานแพร่หลาย มี 2 วิธี คือ 1.การผ่าตัดแบบสลีฟ (Sleeve gastrectomy) เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เหลือปริมาตรประมาณ 150 cc และตัดกระเพาะส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความหิวออกไปด้วย วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุดในปัจจุบัน 2.การผ่าตัดแบบบายพาส (Roux-en-Y gastric bypass) เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารและทำการตัดต่อเอาลำไส้เล็กมาต่อกับกระเพาะส่วนที่เหลือเพื่อลดการดูดซึมอาหาร
ภาพ gastric bypass surgery
ประโยชน์ที่ได้หลังการผ่าตัด 1.ลดน้ำหนัก และลดโอกาสกลับมาอ้วนอีก 2.ลดโอกาสเป็นโรคหรือลดความรุนแรงของโรคร่วมต่างๆ เช่น หายจากการนอนกรน สามารถกลับมามีบุตรได้ปกติ ประจำเดือนมาปกติ โรคข้อเสื่อมต่างๆ มีอาการดีขึ้น และมีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมายว่าในคนไข้หลายรายสามารถลดปริมาณการใช้ยาหรือหยุดกินยาได้ในหลายๆ โรค เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง 3.มีรูปร่างดีขึ้น เลือกเสื้อผ้าสวมใส่ได้ง่ายขึ้น เพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคม 4.ใช้ชีวิตประจำวันได้คล่องแคล่วและง่ายมากขึ้น สามารถออกกำลังกายได้หนักขึ้นไม่เหนื่อยง่าย
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย และอยากปรึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักรักษาโรคอ้วน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ได้รับคำแนะนำและการดูแลทั้งก่อนและหลังผ่าตัดอย่างถูกต้องเหมาะสม สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์ศัลยกรรม (General Surgery Center) โรงพยาบาลนวเวช โทร. 02-4839999I Line : @navavej I www.navavej.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี