การให้เลือด และผลิตภัณฑ์ของเลือดเป็นการรักษาทางการแพทย์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ทั้งในแง่การรักษาตามอาการ และรักษาชีวิตของผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน ในปัจจุบันมีความต้องการผลิตภัณฑ์ของเลือดจำนวนมาก ดังจะเห็นจากประชาสัมพันธ์การรับบริจาคเลือดทั้งจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และข่าวสารการขาดแคลนผลิตภัณฑ์ของเลือดที่แจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งมีความจำเป็นในการรับผลิตภัณฑ์ของเลือดด้วยข้อบ่งชี้ต่างๆ มีการประมาณการจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ว่ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ของเลือดประมาณวันละ 1,500-2,000 ยูนิตต่อวัน การบริจาคเลือด และผลิตภัณฑ์ของเลือดอาจแบ่งได้เป็นการบริจาคเลือดโดยทั่วไป และการบริจาคเลือดเฉพาะส่วน สำหรับการบริจาคเลือดโดยทั่วไปนั้น เลือดที่ได้จะผ่านกระบวนการตรวจคัดกรองตามมาตรฐานสากลเพื่อรับประกันความปลอดภัยโดยเฉพาะโรคติดเชื้อที่ติดต่อทางเลือดแก่ผู้ป่วย โดยในแต่ละครั้งของการบริจาคโลหิตแต่ละครั้งจะทำการเก็บเลือดจากผู้บริจาค 350-450 มิลลิลิตร ตามขนาดร่างกาย และน้ำหนักตัวของผู้บริจาค ทั้งนี้เลือดที่ได้จากการบริจาคด้วยวิธีนี้ส่วนมากจะถูกนำไปแยกส่วนไปเป็นผลิตภัณฑ์ของเลือดประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เม็ดเลือดแดง ผลิตภัณฑ์เกล็ดเลือด ผลิตภัณฑ์พลาสมาต่างๆ ดังจะเห็นข่าวสารความรู้ที่เผยแพร่ตามสื่อว่า “การบริจาคเลือด 1 ถุงช่วยผู้ป่วยได้ 3 ชีวิต” นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ของเลือดชนิดหลัก เลือดที่ได้รับการบริจาคยังสามารถนำไปผลิตแยกเป็นผลิตภัณฑ์โปรตีนเฉพาะส่วนสำหรับผู้ป่วยบางกลุ่มได้ในขณะที่การบริจาคเลือดเฉพาะส่วนนั้นนอกเหนือจากเกณฑ์มาตรฐานของการบริจาคเลือดโดยทั่วไปแล้ว จะมีเกณฑ์การพิจารณาเพิ่มเติม การบริจาคเลือดเฉพาะส่วนนั้นอาศัยการเก็บโดยเครื่องแยกส่วนเม็ดเลือดอัตโนมัติ ส่วนใหญ่เป็นการเก็บผลิตภัณฑ์เกล็ดเลือดเป็นหลัก หรือในบางครั้งเป็นการเก็บผลิตภัณฑ์เม็ดเลือดขาวเพื่อให้กับผู้ป่วยเฉพาะราย เราจะเห็นได้ว่าการบริจาคโลหิตนั้นมีขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ตั้งแต่กระบวนการคัดกรองผู้บริจาคที่เหมาะสม ได้แก่ อายุที่เหมาะสมมีสุขภาพร่างกายโดยทั่วไปที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวเรื้อรังบางโรคที่ส่งผลอันตรายต่อผู้บริจาคในการบริจาคเลือด เช่น โรคหัวใจรุนแรง โรคโลหิตจางนอกจากนี้ต้องปราศจากปัจจัยเสี่ยงต่อการมีโรคติดเชื้อที่ติดต่อทางเลือด (เช่น เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไวรัสตับอักเสบ โรคติดเชื้อทางเลือด เป็นต้น) การบริจาคโลหิตโดยทั่วไปมีกำหนดช่วงเวลาระยะห่างระหว่างการบริจาคแต่ละครั้งประมาณ 3 เดือน โดยภายหลังการบริจาคแต่ละครั้งผู้บริจาคโลหิตจะได้รับธาตุเหล็กรับประทานเสริมเพื่อให้ร่างกายใช้ในการสร้างเม็ดเลือดชดเชยเลือดที่บริจาคไป สำหรับการบริจาคโลหิตเฉพาะส่วนนั้น นอกเหนือจากเกณฑ์คัดกรองพื้นฐาน ผู้บริจาคจำเป็นต้องมีการบริจาคโลหิตโดยทั่วไปที่สม่ำเสมอตามเกณฑ์ความถี่ของการบริจาคที่กำหนด และต้องมีขนาดของเส้นเลือดที่เหมาะสมสำหรับการทำงานของเครื่องปั่นแยกเม็ดเลือดเฉพาะส่วนทั้งนี้ การบริจาคโลหิตเฉพาะส่วน เช่น เกล็ดเลือด นั้นสามารถบริจาคได้ทุก 1-2 เดือน
ในแง่ของประโยชน์ต่อผู้บริจาค การบริจาคเลือดอย่างสม่ำเสมอนั้นมีผลดีต่อผู้บริจาคเอง โดยมีหลักฐานแสดงผลเชิงบวกต่อระบบการไหลเวียนโลหิต และความดันโลหิต การบริจาคโลหิตสม่ำเสมอนั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะการที่ผู้บริจาคปฏิบัติตามข้อแนะนำของการบริจาคอย่างถูกต้อง (เช่น การดื่มน้ำ และพักผ่อนให้เพียงพอในช่วง 1-2 วันก่อน และหลังการบริจาค การรับประทานธาตุเหล็กเสริมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดชดเชยเลือดที่บริจาคไป) ในแง่นโยบายทางสาธารณสุขโดยทั่วไปการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอเป็นผลดีต่อระบบการจัดสรรเลือดของธนาคารเลือดให้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของเลือด เมื่อเทียบกับการบริจาคตามเทศกาล หรือตามข่าวสารการระดมขอความช่วยเหลือตามช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นครั้งคราว เนื่องจากมีความต้องการการใช้ผลิตภัณฑ์ของเลือดตลอดเวลา และผลิตภัณฑ์ของเลือดแต่ละประเภทมีอายุการใช้งานที่จำกัดต่างกันไป การบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอจึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารจัดการ และการช่วยเหลือผู้ป่วยได้มากกว่า ดังนั้นผู้เขียนจึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาที่มีสุขภาพแข็งแรง และตรงตามเกณฑ์คัดกรองสำหรับการบริจาคโลหิตร่วมกันบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นผลดีต่อตัวผู้บริจาคเอง และเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของเลือด ทั้งนี้ เกณฑ์การบริจาคเลือด และการปฏิบัติตัวนั้นสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย หรืองานธนาคารเลือดของโรงพยาบาลต่างๆ ได้
ผศ.นพ.กฤษฎา วุฒิการณ์
หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี