รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หญิงคนแรกของประเทศไทย ที่เข้ามานั่งตำแหน่งดังกล่าวถือฤกษ์ดี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 เวลา 07.59 น. ที่ผ่านมา เข้าทำงานวันแรก ที่ กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าภารกิจสร้างกระทรวงอุตสาหกรรมยุคใหม่ให้เป็นที่พึ่งและเป็นความหวังให้ผู้ประกอบการและประชาชน สานต่อนโยบายเดิมที่ดีพร้อมมุ่งสู่เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เริ่มวันแรกของการทำงาน เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง เพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบด้วย อนุสาวรีย์ พระนารายณ์ศาลพระภูมิ และพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ภายในอาคารโดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมผู้บริหาร ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงอุตสาหกรรม นำข้าราชการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมรับฟังบรรยายสรุปภารกิจจากผู้บริหารกรมต่างๆ ภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม
รมว.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องถือว่า เป็นบ้านของข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรมทุกคน ในฐานะรัฐมนตรีเปรียบเสมือนการมาช่วยทำงาน ให้กับข้าราชการอำนวยความสะดวก และประสานงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น เชื่อว่าข้าราชการทุกหน่วยงานต่างมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
“ความตั้งใจอีกประการหนึ่งก็คือ ไม่อยากให้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเพียงแค่หน่วยงานที่อำนวยการให้กับผู้ประกอบการเท่านั้น แต่อยากให้เน้นเรื่องการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกด้าน โดยเฉพาะการขจัดขั้นตอนต่างๆ ที่ยุ่งยาก เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการลงทุน ของผู้ประกอบการในทุกระดับ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ที่ยังคงต้องการการสนับสนุนเรื่องการลงทุน ปัญหาหนี้สิน ต้องหาแนวทางช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการพักหนี้ ปลดหนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงให้ผู้ประกอบการ อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นในการสร้างภาพลักษณ์เรื่องความเป็นมิตร สร้างรอยยิ้มระหว่างผู้ประกอบการที่มาติดต่อราชการกับข้าราชการ เพื่อให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่พึ่งเป็นความหวังของ ประชาชนต่อไป”
เมื่อถามถึงนโยบายการทำงาน รมว.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และข้าราชการในกระทรวง ในการหารือแนวทางร่วมกันสำหรับการวางนโยบายการทำงานนั้น เห็นว่าระยะเริ่มต้นเร่งด่วน 3 เดือนแรก ซึ่งมีนโยบายที่สามารถทำได้ทันที โดยเฉพาะการสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อกระตุ้นรายได้มวลรวมของประเทศ ผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ทั้งนี้ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมฮาลาล และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ด้วยการสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ยกระดับทักษะแรงงานขั้นสูง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน พร้อมพิจารณาหามาตรการเพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายภายในประเทศ มาตรการทางภาษี และการขยายจุดให้บริการชาร์จแบตเตอรี่สำหรับประชาชน
“ขอเน้นย้ำให้ทุกการดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางระบบดูแล ควบคุม และกำจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน การใช้พลังงานทางเลือกสู่การเป็น อุตสาหกรรมไบโอชีวภาพ (Bio Circular Economy) ซึ่งจะได้หารือเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดต้นแบบอุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Carbon Industry) ในลำดับต่อไป
สำหรับนโยบายดีๆ ของกระทรวงที่ดำเนินการมาแล้ว ก็จะต้องทำต่อไป เช่น นโยบายอีอีซี ที่ประสบความสำเร็จ และอยากให้ขยายไปทุกภาคของประเทศ เช่น ภาคใต้ ที่ต้องการผลักดันให้อุตสาหกรรมฮาลาล เป็นรูปร่างให้เกิดขึ้นจริง และเน้นภาพลักษณ์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม อยากให้มีรอยยิ้ม ดำเนินการในลักษณะ one stop sevice เพื่ออำนวยความสะดวก ให้กับผู้ประกอบการมาให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว”
รมว.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ “สส.ปุ้ย” อายุ 44 ปี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนครศรีธรรมราช เขต 10 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นของ นายมาโนชญ์ วิชัยกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช 9 สมัย ที่ชาวนครศรีธรรมราช เชื่อถือและเชื่อมั่นจากรุ่นสู่รุ่น โดย รมว.พิมพ์ภัทรา ตัดสินใจสานต่องานการเมืองหลังจากที่บิดาได้วางมือทางการเมืองเมื่อปีพ.ศ.2550 เป็นผู้นำวิธีคิด “วาระเมืองสิชล” สร้างวิธีคิดการแก้ไขปัญหาแบบใหม่ด้วยการนำเอาความร่วมมือจากท้องถิ่นท้องที่ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม มาสังเคราะห์ปัญหาร่วมกัน นำไปสู่การจัดระเบียบตามสภาพปัญหา ความเร่งด่วนและนำไปสู่การจัดระเบียบการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว หรือที่รู้จักในชื่อ “วาระเมืองสิชล”
นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของวิธีการทำงานที่ประชาชนรู้จักความเป็น “บุคคล” มากกว่าความเป็นนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ความเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างคนพื้นที่ที่ถูกประชาชนในพื้นที่ร่วมกันส่งให้ไปทำงานแทนในฐานะ “ผู้แทน” ซึ่ง รมว.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุลมองว่า เป็นมนุษย์งานที่ต้องทำงานอย่างตรงกับความต้องการของประชาชน และในความเป็น“ผู้แทน” มีคุณลักษณะที่สำคัญคือ เข้าใจ เข้าถึงและรู้จักสภาพพื้นที่ นำประเด็นปัญหาความเดือดร้อนเข้าถกเถียงในสภาและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม
“เข้าสู่โหมดการทำงานเพื่อบ้านเรา เพื่อบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อแผ่นดินชาติไทยที่เรารักแล้ว ปุ้ยซาบซึ้งและขอขอบคุณกับทุกความเห็น ทุกโพสต์ข้อความแสดงความยินดีจากพ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้า เพื่อนพ้องทั้งมัธยม อุดมศึกษา เพื่อนทางงานการเมือง ปุ้ยและทีมงานของปุ้ยทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า การก้าวเข้าสู่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกสมัย จนมาถึงการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับปุ้ยและทีมงานทุกคนต่างเข้าใจดี และระลึกเสมอค่ะว่า พวกเราต้องทำงานหนักให้มากขึ้น เมื่อมีตำแหน่งที่ต้องทำงานหนัก ปุ้ยจะเต็มที่กับทุกภาระงานทุกหน้าที่ ทุกคนคาดหวังที่จะเห็นประโยชน์เกิดขึ้นกับประเทศชาติและประชาชน เกิดขึ้นให้มากที่สุด แน่นอนค่ะทุกวันของปุ้ย คือวันทำงาน เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ”
รมว.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย,ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมีอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง สมรสกับ นายนิติรักษ์ ดาวลอย มีบุตรสาว 2 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี