“ลูก คือ กระจกเงาสะท้อนของพ่อแม่” คำนี้ไม่เกินจริงนักสำหรับครอบครัวเผ่าเสถียรพันธ์ ที่เลี้ยงลูกสาวทั้ง 2 คนในวัยไล่เลี่ยกัน อย่าง “น้องเคท - ด.ญ.ศุภนิดา และ น้องคิดดี - ด.ญ.ศุภรดา เผ่าเสถียรพันธ์” ที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนสายสัมพันธ์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยเยาว์ และเป็นแบบอย่างเยาวชนดีเด่นที่กวาดรางวัลมานับครั้งไม่ถ้วนทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น รางวัลวัฒนธรรมวินิต รางวัลวัฒนคุณาธร รางวัลคุณธรรมอวอร์ด จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รางวัลเด็กดีเด่น สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ รางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่น จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้ง น้องเคทและน้องคิดดี ยังมีผลงานละครมามากมาย และชนะประกวดวาดภาพ ได้รางวัลงานศิลปกรรมเด็กและเยาวชนแห่งชาติ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม เป็นทูตวัฒนธรรมแห่งสยาม กระทรวงวัฒนธรรม และเป็นทูตวัฒนธรรมหมอสะอาด กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมอีกด้วย
ทันตแพทย์ ดร.รัชภูมิ เผ่าเสถียรพันธ์ ผู้บริหารโครงการหมู่บ้านจัดสรร Marino Khaoyai เล่าว่า “ความสำเร็จของลูกสาวทั้งสองคนว่า เกิดจากความสนใจในเรื่องต่างๆ และอยากจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ส่วนพ่อแม่มีหน้าที่แนะนำและไขข้อความสงสัยให้แก่ลูก โดยน้องเคทและน้องคิดดี จะตั้งคำถามและเข้าห้องสมุดเพื่อหาคำตอบที่ตนเองสงสัยอยู่เสมอ หรือบางครั้งก็จะค้นหาใน Google บ้าง
สำหรับกิจกรรมยามว่างของลูกสาวทั้ง 2 คน อย่างน้องเคท ยามว่างจะชอบเล่นรูบิค อ่านหนังสือต่างๆ อาทิ วรรณกรรมเด็ก นิยาย เรื่องสั้น เป็นต้น บางครั้งน้องเคทอ่านนิยายหรือเรื่องสั้นแล้วรู้สึกอินกับเนื้อเรื่องจนร้องไห้ก็มี พ่อกับแม่ก็จะปล่อยให้ลูกร้องไห้ไป เพราะลูกจะต้องรับมือกับความรู้สึกเศร้าและผิดหวังให้ได้ รวมถึงวรรณกรรมเด็กบางเรื่อง ก็ไม่ได้สมหวังเสมอไป ดังนั้น ผมจะสอนลูกเสมอว่าให้อยู่กับความเป็นจริงและมองความสุขในวันนี้
ขณะที่ น้องคิดดี จะทำกิจกรรมแตกต่างจากน้องเคทอย่างสิ้นเชิง น้องจะชอบเล่นเกมส์ ดูภาพยนตร์ ออกกำลังกายเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ทำขนม ซึ่งแน่นอนว่าการลงมือทำขนมในแต่ละครั้งจะราบรื่น บางครั้งขนมก็เละ รูปทรงแปลกไปบ้าง เราก็จะสอนน้องว่า ทุกความล้มเหลวคือบทเรียน เราต้องยอมรับความผิดหวังในงานนี้แล้วตั้งเป้าลงมือทำใหม่อีกครั้ง สู้ต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ ก็เหมือนการประกวด หรือการแข่งขันที่กว่าจะมีวันนี้ได้ เราก็แพ้มาก่อน แต่เรายังมีความสุข เพราะเรายังมีแรง มีความสามารถที่ทำให้เรายังสู้ต่อไปได้”
ขณะเดียวกันเมื่อสังคมยุคนี้เป็นยุค 5G ที่เด็กทุกคนเข้าถึงโซเชียลได้อย่างง่ายดาย ทันตแพทย์ ดร.รัชภูมิ เผ่าเสถียรพันธ์ ได้สร้างเกราะคุ้มกันให้ลูก โดยการให้น้องเคท-น้องคิดดี เล่นโซเชียลเมื่ออยู่กับพ่อแม่ และปิดกั้นการมองเห็นให้เหลือเพียงเพื่อนเท่านั้น ที่สำคัญไม่รับเพื่อนที่ไม่เคยพบตัวจริง ซึ่งเราจะกรองเพื่อนที่แอดเฟสบุ๊กในออนไลน์ให้ลูกๆ ก่อนเสมอ
เส้นทางการก้าวสู่วงการบันเทิงของ 2 สาว เริ่มจาก “น้องเคท” เริ่มต้นจากการเป็นพรีเซนต์เตอร์ของการเก็บ stem cell ของบริษัท ThaiStemlife จำกัด จากนั้นก็มีผลงานถ่ายแบบโฆษณาเด็กเข้ามามากมาย และเมื่ออายุได้ 5 ขวบ ก็ได้รับเลือกให้เข้าร่วมงาน KIFW ที่ สยามพารากอน กับแบรนด์ Millions of Colors กระทั่งอายุ 6 ขวบ ก็ได้ร่วมเล่นมิวสิควิดีโอเพลง “โสด” ของ น็อต-วรุฒ แห่งค่าย Love is หลังจากนั้นก็มีถ่ายแบบและเดินแบบเรื่อยมา
ส่วน “น้องคิดดี” เริ่มงานในวงการบันเทิงจากการถ่ายแบบเสื้อผ้าให้ร้านเสื้อนิตยสารต่างๆ ทำให้ไปเข้าตาผู้ใหญ่จึงถูกคัดเลือกให้ไปร่วมแสดงมิวสิควิดีโอ เพลงสืบต่อไป ของ “หนึ่ง จักรวาล” เพลงร้อยพันยันจักรวาล ของ “ออร์ดี้” และร่วมแสดงมิวสิควิดีโอเพลงอื่นๆ อีกมากมาย จึงพัฒนาทักษาและฝีมือเรื่อยมา ก่อนถูกรับเลือกให้ร่วมแสดงละครเทียนไม่สิ้นแสง ทางช่อง NBT และละครดอกไม้ของพ่อ ทางช่อง Chanal 8 จากนั้นทำให้มีผลงานอื่นๆ ทยอยเข้ามาอยู่เรื่อยๆ
“ถึงแม้ว่ากิจกรรมของลูกสาวทั้ง 2 คนจะแน่นขนาดไหน แต่ผลการเรียนก็ไม่เคยตก ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 มาตลอด เพราะทั้งผมและภรรยา ฝึกให้ลูกรับผิดชอบกับการเรียนเป็นสิ่งแรก กิจกรรมอื่นๆ นอกห้องเรียน เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ และฝึกให้กล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตัวเอง และยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ผมอยากให้ลูกภูมิใจในตัวเอง และรู้ว่าการที่จะได้รับรางวัลและโอกาสดีๆ ในชีวิต เราต้องหมั่นเรียนรู้ ฝึกฝนตัวเอง เพราะไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ แม้ครอบครัวเราจะมีความพร้อม แต่เราอยากใช้ความพร้อมที่มีเพื่อสนับสนุนลูกๆ ให้ได้ทำในสิ่งที่เขาชอบและมีความสุขที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นมากกว่าครับ”
เมื่อถามว่า เข้มงวด หรือ คาดหวังกับลูกสาวทั้งสองคนแค่ไหน ทันตแพทย์ ดร.รัชภูมิ กล่าวว่า “ครอบครัวเราเลี้ยงลูกตามธรรมชาติมากครับ เด็กๆ ต้องทำงานบ้านบ้างเท่าที่จะทำได้ ผมและภรรยาไม่ได้บังคับให้ลูกทำในสิ่งที่เราทั้งคู่เห็นว่าดี แต่เราให้ลูกๆ ได้ลองทำกิจกรรมต่างๆ แล้วให้ลูกเลือกที่จะไปต่อเอง เรามีหน้าที่สนับสนุนและคอยเป็นกำลังใจให้ลูก เด็กยุคนี้เขาต้องการพื้นที่ของตัวเอง เราเป็นพ่อแม่ก็ต้องเข้าใจ ตอนนี้ลูกกำลังเข้าสู่วัยค้นหาตัวเอง เราก็ต้องปล่อยเขา เพราะในที่สุดแล้ว ความสุขของลูก ก็คือ ความสุขของพ่อแม่ครับ”
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี