วันศุกร์ ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
บพข. พร้อมผลักดันงานวิจัย-นวัตกรรมไทยต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์

บพข. พร้อมผลักดันงานวิจัย-นวัตกรรมไทยต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์

วันเสาร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : บพข.
  •  

บพข. ประกาศความพร้อมเป็นตัวกลางผลักดันและเร่งรัดงานวิจัย-นวัตกรรมไทย ก้าวสู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ตอบโจทย์ความต้องการของโลก ผนึกกำลัง 11 Accelerator Platforms 9 มหาวิทยาลัยและ 1 หน่วยงานวิจัย ร่วมลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงทางวิชาการ (Memorandum of Intent: MOI)

“หน่วยงานเร่งรัดงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก” หรือ “Deep Science and Technology Accelerators” ของ “หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” หรือ บพข.ขันอาสาเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่โลกต้องการ หรือเทรนด์ของโลก เข้ากับความเชี่ยวชาญที่แต่ละมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานวิจัยมีอยู่ ผ่านการบ่มเพาะจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น หรือบริการ และเข้าสู่กระบวนการเร่งขับเคลื่อนแบบก้าวกระโดด จนสามารถส่งผลงานออกสู่ตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน


รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า การลงนามดังกล่าวเป็นการลงนามข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน เพื่อ ลดการทำงานที่ทับซ้อน ซึ่งจะมีการแบ่งปันและเชื่อมโยงทรัพยากร เช่น โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสร้างผลิตภัณฑ์ หรือบริการ แหล่งฝึกอบรมบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญรวมไปถึงผู้ประกอบการ ให้สามารถพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม และเทคโนโลยีเชิงลึกจนได้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีมูลค่าสูง เสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ

3 ปีที่ผ่านมา บพข. ภายใต้แผนงานกลุ่ม Deep Science and Tech Accelerator Platform ร่วมมือกับ 9 มหาวิทยาลัย และ 1 หน่วยงานวิจัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เกิดเป็น 11 หน่วยงานเร่งรัดงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเชิงลึก หรือ 11 Accelerator Platforms ที่สามารถนำผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมเข้าสู่ตลาดไทยและตลาดต่างประเทศได้

จากเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ประมาณ 190 ล้านบาท ใน 3 ปี ผลงานที่เกิดขึ้น สามารถสร้างเทคโนโลยีเชิงลึก ทั้งนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ ทางการแพทย์และสุขภาพ เทคโนโลยีอาหารมูลค่าสูงและอุปกรณ์เทคโนโลยีดิจิทัล ไอโอที (IoT)ขั้นสูง ทำให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพ มีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่รวมทั้งมีการจดสิทธิบัตรและจดลิขสิทธิ์แล้วไม่ต่ำกว่า 100 รายการ อีกทั้ง ยังสามารถระดมทุนจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์และบริการเทคโนโลยีเชิงลึกจาก 11 Accelerator Platforms จะสามารถสร้างมูลค่าตลาดได้ถึงหนึ่งพันล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า ล่าสุด บพข. ได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงทางวิชาการ (Memorandum of Intent : MOI) ร่วมกับ 11 Accelerator Platforms เพื่อต่อยอดความร่วมมือและนำสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับตัวอย่างความสำเร็จของการเป็น Accelerator Platforms ภายใต้โครงการดังกล่าว นายพงศ์วราวุฑฒิหมื่นยุทธิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเทคโนธานีฝ่ายบ่มเพาะธุรกิจและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ตัวแทนจาก“SUT Horizon” แพลตฟอร์มบ่มเพาะและเร่งสร้างเติบโตนวัตกรรมเชิงลึก เปิดเผยว่า SUT Horizon มุ่งพัฒนาความเข้มแข็งของงานวิจัยและสามารถช่วยทำให้บัณฑิตนักศึกษา คณาจารย์ สามารถนำงานวิจัยเหล่านี้ไปสู่การใช้ประโยชน์ในรูปแบบของดีพเทคสตาร์ทอัพ ภายใต้แพลตฟอร์ม SUT Horizon มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีการแพทย์และสุขภาพ รวมถึงด้านสมาร์ทซิตี้ และอาศัยการทำงานในรูปแบบ “Venture Co-Creation” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อที่จะสามารถช่วยปั้นให้งานวิจัย หรือทีมนักศึกษา ผู้ประกอบการ ได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจและสามารถเติบโตได้ในอนาคตนอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศพัฒนาการสรรหา CEO เพื่อตอบโจทย์การเป็นดีพเทคสตาร์ทอัพที่นักวิจัยมักประสบปัญหาในการหาค้นหา CEO เพราะต้องมีความเข้าใจในเรื่องวิทยาศาสตร์เชิงลึก สามารถสื่อสารทั้งกับนักวิจัยหรือเจ้าของงานวิจัยรวมถึงนักลงทุน

“เพื่อทำให้งานวิจัยเหล่านี้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งในและต่างประเทศ SUT Horizon มีโปรแกรม “GOT Talent” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเยอรมนี โอมาน และไทย โดยเยอรมนีสามารถนำผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดเยอรมนีและยุโรปได้ง่ายขึ้น ส่วนโอมาน จะเป็นเหมือนเกตเวย์เข้าสู่ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งหมดนี้ SUT Horizon ยังอยู่ภายใต้อีกหนึ่งแพลตฟอร์มก็คือ ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสนครราชสีมา (Wellness corridor) ที่จะทำให้งานวิจัยต่างๆ สามารถที่จะทดสอบและใช้งานได้จริงภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยและจังหวัดนครราชสีมา”

นอกจากนี้ Accelerator Platforms ของแต่ละหน่วยงานต่างนำเสนอผลงานและแผนงานความก้าวหน้าได้อย่างน่าสนใจ อาทิ แพลตฟอร์มเร่งการเติบโตทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมสร้างสรรค์อย่างยั่งยืนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง หรือ Organic Tech Accelerator platform (OTAP) จาก มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งปักหมุดที่พิษณุโลกและภาคเหนือตอนล่าง โดยตั้งใจจัดสรรเทคโนโลยีเกิดจากคนในพื้นที่ อยู่ในพื้นที่ และสร้างเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ 2 ปีที่ผ่านมา มีการบ่มเพาะดีพเทคสตาร์ทอัพหลากหลายทั้งด้านไอที เครื่องมือทางวิศวกรรมและการแพทย์ วัสดุทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องของอาหารและอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้จะมุ่งเน้นที่สมุนไพร ซึ่งเป็นจุดแข็งของมหาวิทยาลัย โดยมีระบบนิเวศนวัตกรรมที่มีความพร้อมทั้งเรื่องการปลูก โรงงานสารสกัดที่ได้มาตรฐาน การดูแลคุณภาพผลิตภัณฑ์ และมีโรงพยาบาลสำหรับทดสอบการใช้งาน ทำให้พร้อมที่จะผลักดันสมุนไพรไทยออกสู่ตลาดโลก

ขณะที่ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์และเร่งใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ หรือ MIDAS Center จากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งเน้นด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ สามารถสร้างผลงานการผลิตชุดทดสอบทางการแพทย์ ที่ช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยโรคได้แม่นยำและรวดเร็ว มีการผลิตแขนเทียมเพื่อการฝึกปฏิบัติการเจาะเลือดสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โดยใช้ซิลิโคนที่ทดสอบแล้วว่าเหมือนแขนมนุษย์มากที่สุด โดยใช้วัสดุจากในประเทศ ลดการนำเข้า และมีต้นทุนต่ำกว่าตลาดถึง 10 เท่า

ส่วน North Bangkok Robotic Accelerator (NB RAP) จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือได้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการผลักดันนวัตกรรมเชิงลึกออกสู่ตลาด และมีความร่วมมือกับภาคเอกชน นำร่องนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์อุตสาหกรรมและระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน

ด้าน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. มุ่งเน้นการบ่มเพาะให้เกิดนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านอาหาร นำแพลตฟอร์มเร่งรัดการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมอาหารที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก สามารถบ่มเพาะให้เกิดสตาร์ทอัพได้ไม่น้อยกว่า 40 บริษัท เกิดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเชิงลึกด้านอาหาร อุปกรณ์เพื่อสุขภาพ และระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะไม่ต่ำกว่า 50 ผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดสำเร็จ อาทิ เส้นไข่ขาวไร้แป้ง ไร้ไขมันเจ้าแรกของไทย เป็นต้น

ศูนย์ทรัพย์สินทางปัญญาและบ่มเพาะวิสาหกิจ จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการพัฒนาเทคโนโลยีนำร่อง ระดับ TRL 4 ที่พร้อมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ เช่น การพัฒนากระบวนการผลิตที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ การพัฒนาเทคโนโลยีระบุตำแหน่งและพฤติกรรมในอาคารเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ

ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านอุปกรณ์ดิจิทัล ระบบปัญญาประดิษฐ์ด้านสุขภาพการแพทย์ได้ในหลายโครงการ อาทิ ระบบติดตามในอุตสาหกรรมปศุสัตว์โคนม ปัญญาประดิษฐ์สำหรับงานเวชระเบียน ฯลฯรวมทั้งการบ่มเพาะสตาร์อัพทางการแพทย์ เช่น บริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม หรือ บริษัทแนบโซลูท เป็นต้น

ศูนย์เร่งการจัดการนวัตกรรม เทคโนโลยีและการวิจัย จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนารูปแบบ Holding Company โดยมี 4 โครงการนำร่อง ได้แก่ เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบมือถือด้วยเซ็นเซอร์หลากหลาย ชุดตรวจภูมิแพ้อย่างรวดเร็ว ชุดตรวจสอบไนโตรฟูแรนหรือยาปฏิชีวนะยับยั้งแบคทีเรียในสัตว์น้ำ และ โดมแสงธรรมชาติป้องกันรังสีตรงเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสภาพแวดล้อมที่ดีภายในอาคาร

อย่างไรก็ดีในปี 2565 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้เข้ามาร่วมผลักดันให้เกิดแพลตฟอร์มการเร่งรัดนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึก ด้าน ดิจิทัล โรบอติกส์และระบบอัจฉริยะ รวมไปถึงนวัตกรรมด้านสุขภาพ เกษตรอาหาร และระบบการผลิตระดับอุตสาหกรรมอีกด้วย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ด่วน! แผ่นดินไหวขนาด5.2เขย่าเกาะสุมาตรา ห่างจาก'ภูเก็ต'394กิโลเมตร

พระ-เณร-ช่างฝีมือ ‘เร่งแกะสลักเทียนพรรษา’ เพื่อให้ทันอวดโฉมแก่นักท่องเที่ยว

อย่าพูดเรื่อยเปื่อย! ‘นิพิฏฐ์’สวดยับ‘ปชน.’ท่องวิมานในอากาศ

เผยเหตุ”โชต้า”ดับ :เปลี่ยนเส้นทาง-รักษาปอดเตรียมแข่งซีซั่นใหม่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved