AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากความสามารถของตัว AI เองที่สามารถเข้ามาแก้ปัญหาที่หลากหลายที่เกิดขึ้นในโลกของเราได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงผล AI เองก็ส่งผลกระทบทางธุรกิจที่อย่างเห็นได้ชัดสังเกตได้จากจำนวนการเปิดตัวของบริษัทที่ดูแลเนื้องานที่เกี่ยวข้องกับ AI หรือ แม้กระทั่งการเริ่มประยุกต์ใช้ AI ในบริษัททั่วๆ
ไปเองก็ตาม ทั้งหมดนี้ล้วนมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น ดังนั้นในฐานะบุคคลหรือองค์กรเองก็ตาม มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมาทำความรู้จักเรียนรู้ และหาแนวทางการอยู่ร่วมกับ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
ข้อมูลจาก อุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นแนวคิดของการทำให้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องจักรสามารถคิดและทำงานได้เหมือนกับกับมนุษย์ด้วย เช่น การเขียนซอฟต์แวร์หรือระบบที่เรียนรู้ลักษณะของสุนัขจนสามารถแยกได้ว่า ภาพไหนเป็นสุนัข ภาพไหนไม่ใช่สุนัข นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างของ AI ที่สามารถคิดและแยกแยะได้เหมือนกันกับมนุษย์นั่นเอง โดยวิธีการที่ได้มาซึ่งความสามารถของซอฟต์แวร์หรือระบบนั้นก็มาจากกระบวนการที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสถิติง่ายๆ จนถึงอัลกอริทึ่มที่ซับซ้อนขึ้นอยู่กับโจทย์และทักษะที่ผู้ใช้งานจะป้อนให้กับ AI ที่สำคัญคือ AI ที่ดูเป็นเรื่องใหม่และล้ำโลกเป็นอย่างมากนั้นไม่ใช่สิ่งใหม่แต่อย่างใดเพราะมันถูกสร้างมาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1956 แล้ว และได้ถูกต่อยอดมาเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและต้นทุนของการได้มาและนำไปใช้งาน ซึ่งปัจจุบันเรียกได้ว่าเราทุกคนนั้นใช้ชีวิตอยู่กับ AI ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นจนหลับ ไม่ว่าจะเป็น AI ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ว่า “จากลักษณะการใช้งาน Social Media ของเราน่าจะชอบ Content รูปแบบไหน” หรืออย่างใน Application แผนที่ต่างๆ ก็มี AI ที่คิดคำนวณว่า “ถ้าต้องการจะเดินทางจากจุด A ไปจุด B จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่” และอื่นๆ อีกมากมาย
ทำไม? ทุกคนถึงพูดกันแต่ AI
แม้ว่า AI ไม่ใช่สิ่งใหม่แต่ทำไมในช่วงนี้เราถึงได้ยินคำว่า AI บ่อยขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะปัจจุบันนี้มี AI อยู่ประเภทหนึ่งที่เป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมาก และ มีแง่มุมในการนำมาประยุกต์ใช้งานกับบริษัทหรือองค์กรได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Generative AI โดยเป็น AI อีกประเภทที่มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ในหนึ่งทักษะ คือทักษะในการ “สร้าง” นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงานเขียน สร้างรูป สร้างเสียง หรือ สร้างวีดีโอ เพียงแค่เราส่งคำสั่งเข้าไปหลังจากนั้น AI ก็จะสร้างผลลัพธ์กลับมาให้เรา เช่น Generative AI ที่ชื่อว่า ChatGPT จะมีความสามารถในการสร้างคำตอบให้เรากลับมาในรูปแบบของตัวอักษร กล่าวคือ ถ้าเราสั่ง ChatGPT ว่า “จงเขียนบทความเกี่ยวกับแมวให้ฉัน 1 บทความ” ChatGPT ก็จะทำการสร้างบทความเกี่ยวกับแมวกลับมาให้เราทันทีซึ่งถ้าเทียบกับเวลาที่คนต้องมาเขียนเองแล้ว ChatGPT อาจจะทำได้เร็วกว่ามนุษย์ถึง 2-100 เท่าขึ้นอยู่กับรายละเอียดหรือเนื้อหาที่ต้องการให้เขียนนั่นเอง ดังนั้นด้วยความสามารถเหล่านี้เองบทความนี้จึงจะพูดถึงแง่มุมในการประยุกต์ใช้ Generative AI กับองค์กรเป็นหลักนั่นเอง
การใช้ประโยชน์ของ AI เพื่อองค์กรได้อย่างไร
ความสามารถของ Generative AI นั้นเป็นความสามารถที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของคุณภาพของผลลัพธ์, ความหลากหลายในการประยุกต์การใช้งาน รวมทั้ง ความเร็วในการสร้างงาน ดังนั้นประโยชน์ของ Generative AI ก็มีอยู่ค่อนข้างหลากหลายเป็นอย่างมากขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กร หรือธุรกิจเป็นหลัก แต่เพื่อให้ผู้อ่านเห็นประโยชน์และแนวทางในการประยุกต์ใช้ Generative AI กับองค์กรของตนได้ ผู้เขียนจึงจะขอยกตัวอย่างประโยชน์ของ Generative AI ต่อองค์กรดังนี้
● เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : AI สามารถทำงานได้เร็วกว่ามนุษย์และในหลายๆมุมมองของการใช้งาน AI นั้นไม่มีข้อผิดพลาดเหมือนมนุษย์ และถ้าเทียบในมิติของจำนวนชั่วโมงการทำงานแล้วในหลายๆ งาน AI ก็สามารถสร้างงานได้มากกว่ามนุษย์ในช่วงเวลาที่เท่ากัน ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองก็มีแนวโน้มว่าการประยุกต์ใช้ Generative AI ในองค์กรก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมาก
● เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย : แทบจะทุกองค์กรนั้นมีเนื้องานที่ AI จะสามารถเข้ามาทดแทน หรือ ช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน และถ้าเราสามารถนำ AI เข้ามาช่วยงานในส่วนนั้นๆ ได้ย่อมทำให้พนักงานสามารถนำเวลาว่างที่เกิดจากการนำ AI มาช่วยงานไปคิดต่อยอดเพื่อเพิ่มสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับองค์กรได้
ตัวอย่างการใช้งาน AI ในองค์กรที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็น 10 เท่า
ในหลากหลายองค์กรก็เริ่มมีการประยุกต์ใช้ AI เข้ากับเนื้องานกันบ้างแล้วตามที่เราเห็นจากข่าว หรือ Social Media ในหลายๆ บริษัท
มีการนำ AI มาช่วยในงานบางส่วนหรือมากกว่านั้นในบางบริษัทก็ได้ทำการทดแทนพนักงานเดิมด้วย AI เลยก็มีเช่นกัน เช่น Dukaan แพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ของประเทศอินเดียก็ได้ออกมาประกาศว่าทางบริษัทได้มีการนำ AI มาใช้งานเพื่อทดแทนพนักงานที่ทำหน้าที่ดูแลลูกค้ามากถึง 90% เรียบร้อยแล้วและสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากถึง 85% โดย AI เหล่านี้ก็ได้เข้ามาทำหน้าที่ในการตอบปัญหาของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมากทั้งในแง่ของความเร็วในการตอบกลับและความสามารถในการแก้ปัญหา
แน่นอนว่า บจ. Real Smart เองก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีการพัฒนาและนำ AI มาช่วยเหลือในการทำงานจริงเรียบร้อยแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในงานการเขียนบทความลง Social Media หรือ Website ของ Real Smart ปัจจุบันก็ได้มีการประยุกต์ในการนำ ChatGPT เข้ามาช่วยเขียน 80% แรกของบทความหลังจากนั้นจึงให้พนักงานมาปรับแต่งอีก 20% ทำให้สามารถประหยัดระยะเวลาการทำงานของพนักงานไปได้มากถึง 5-10 เท่าเลยก็ว่าได้ และ นอกจากงานเขียนแล้วทาง Real Smart ก็ได้มีการนำ Generative AI ตัวอื่นๆ อย่าง Midjourney หรือ Stable Diffusion มาช่วยสร้างรูปภาพ และนำไปแก้ไขต่อจนสามารถนำไปใช้งานได้จริง ซึ่งในส่วนนี้เองก็สามารถลดเวลาการทำงานไปได้อย่างมาก และที่สำคัญคือ คุณภาพของงานที่เราส่งออกไปโดยมี AI เป็นเครื่องทุ่นแรงนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าการใช้มนุษย์ทำงาน 100% เลยแม้แต่นิดเดียว สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.realsmart.co.th
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี