ที่บ้านมหาสอนเน้นการอยู่กับธรรมชาติ นั่งมองสายน้ำ สัมผัสลมเย็นจากแม่น้ำ กินอาหารที่ร่วมปรุงด้วยกันกับชาวบ้าน แล้วออกไปท่องเที่ยวชุมชนแบบช้าๆ เนิบๆ ไม่เร่งรีบ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย ชวนคุณไปเที่ยวแบบวิถีชุมชนที่บ้านมหาสอน และพูดคุยกับ คุณขวัญ-อิงณภัสร์ วงษ์สิทธิชัย ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชนเกษตร บ้านมหาสอน บ้านหมี่ ลพบุรี
● เรียนถามว่าก่อนที่จะมาทำธุรกิจเชิงท่องเที่ยวชุมชน ทำงานอะไรมาก่อน แล้วร่ำเรียนด้านไหนมาก่อนครับ
คุณขวัญ : งานแรกๆ หลังจบการศึกษาด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ก็คือทำงานเป็นพนักงานในกรุงเทพ จนวันหนึ่งเห็นว่าเราน่าจะกลับไปทำงานที่บ้านของเราน่าจะดีกว่า เพราะเรามีที่ดิน มีญาติอยู่ลพบุรี ส่วนเรื่องท่องเที่ยวชุมชนนั้น ไม่เคยมีความรู้มาก่อน แต่ก็ค่อยๆ เรียนรู้ ที่ไหนมีอบรม เราก็ไปเข้ารับการอบรม แล้วก็ลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ แรกๆ ก็ขาดทุนย่อยยับ แต่ก็คิดว่าเป็นบทเรียน ก็ค่อยๆ แก้ไข ค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ แล้วโชคดีที่บรรดาแม่ๆ ในชุมชนเข้าใจเรา ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป จนเดินมาได้ทุกวันนี้ ก็นับว่าดีขึ้น อยู่ตัวมากขึ้น แต่ก็ยังต้องเรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ค่ะ
● คุณขวัญยังโชคดีนะครับที่มีที่ดินของบรรพบุรุษ จึงสามารถกลับมาฟื้นฟู และทำที่ดินมรดกให้ออกดอกออกผลได้ คิดว่าตัวเองโชคดีกว่าคนอื่นๆ มากไหมครับ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีพื้นฐานเดิมรองรับเลย
คุณขวัญ : ก็คิดว่าโชคดีนะคะ เพราะเรายังมีที่ดินของปู่ย่าตายาย แล้วเราก็มีรกมีรากอยู่ที่บ้านมหาสอนบ้านหมี่ ลพบุรี ที่ดินตรงนี้เป็นของบรรพบุรุษท่านสร้างสมไว้ให้เรา เราก็ต้องกลับมาพัฒนาค่ะ ที่ดินตรงนี้มีประมาณ 4 ไร่เศษ อยู่ติดลำน้ำขาม มีความอุดมสมบูรณ์ดี แต่ก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นโรงสีไฟของปู่ย่า แล้วเลิกกิจการไปหลายปีแล้ว หลังเลิกทำโรงสี ก็ทำสวนเกษตร ปลูกมะม่วงค่ะ แล้วก็เคยทำนาข้าวด้วย ปลูกต้นกล้าข้าวขายให้ชาวนา แล้วสุดท้ายเปลี่ยนมาทำการท่องเที่ยวชุมชนค่ะ ทำท่องเที่ยวชุมชนมาประมาณ 10 ปีเศษๆ แรกๆ ก็ใช้ชื่อบ้านสวนขวัญก่อน ในยุคนั้นไม่ได้เน้นการท่องเที่ยวชุมชนอย่างเดียว ทำกิจการเกษตรอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย แต่มาเน้นท่องเที่ยวชุมชนจริงๆ ราวๆ 6 ปีค่ะ และมีช่วงหนึ่งที่เราทำนาข้าวปลอดสารพิษด้วย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ก็ปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนมาถึงการท่องเที่ยวชุมชน
● ทำนาข้าวไม่ประสบความสำเร็จเพราะติดขัดปัญหาอะไรหรือครับ
คุณขวัญ : ปัญหาความแห้งแล้งอย่างหนักเมื่อปี 2558 เราไม่เคยคิดว่าบ้านเราจะแล้ง เพราะมีลำน้ำอยู่ติดกับบ้าน แต่เมื่อเกิดปัญหาความแห้งแล้ง เราก็งงจนหาทางออกไม่เจอ เกิดมาก็เห็นว่าแม่น้ำขามมีน้ำตลอดเวลา อาจจะมากบ้างน้อยบ้างตามฤดู แต่เมื่อเจอปัญหาแห้งแล้งหนักๆ ก็ไปไม่เป็นเลย ไม่ได้คิดหาทางแก้ปัญหาไว้ก่อน เมื่อเจอปัญหาความแห้งแล้งก็ทำการเกษตรไม่ได้อีกต่อไป ต้องหยุดโดยทันที ที่นี้ก็มาคิดหาทางว่าทำอะไรต่อดี เพราะอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ ต้องหาทางออกให้ชีวิต เนื่องจากขวัญขายกล้าข้าวให้ชาวนา เมื่อเขาทำนาไม่ได้ เขาก็ไม่ซื้อกล้า แล้วเราก็มีปัญหาเรื่องน้ำสำหรับเพาะปลูกต้นกล้าข้าวด้วย เมื่อเจอปัญหาต่างๆ ขวัญก็กลับไปคิดถึงหลักปรัชญาพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9ที่เราเคยได้ยินมานาน แต่เราไม่เคยลองลงไปศึกษาแบบจริงๆ จังๆ แรกๆ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจในหลักการที่พระองค์ท่านพระราชทานแนวคิดไว้ให้ แต่เมื่อชีวิตมาถึงทางที่ค่อนข้างตัน ก็จึงเข้าไปศึกษามากขึ้น เราใช้เวลาไปเรียน ไปอบรม ไปศึกษาอยู่ประมาณ 1 ปี โดยไปอบรมกับอาจารย์ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง) เมื่อเรียนรู้จริงๆ ก็พบว่าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือหนทางแก้ปัญหาให้เราและคนในชุมชนละแวกบ้านเราได้ เรียนไป อบรมไปแล้วนำมาปรับใช้กับท้องถิ่นของเรา แรกๆ ก็รู้ว่าดี แต่ปัญหาคือปรับใช้กับชุมชนของเราไม่ลงตัว ก็ปรับตัวไปเรื่อยๆ จนเมื่อมีความรู้มากขึ้น ได้ทดลองมากขึ้น ได้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งของชุมชน ก็ทำให้ทุกอย่างค่อยๆ ดำเนินไปด้วยดี กว่าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ชัดเจนก็ต้องใช้เวลาทั้งไปเรียนซ้ำ ทำซ้ำๆ คลุกคลีกับการทำงานอย่างจริงจัง
● เริ่มต้นด้วยวิธีการใดก่อนครับ
คุณขวัญ : อันดับแรกคือเริ่มทำจากพื้นที่เล็กๆ ที่เราดูแลได้ทั่วถึง แล้วก็เน้นหลักปลูกกินเอง ไม่ต้องซื้อกิน เริ่มด้วยการปลูกต้นไม้ที่เรากินได้ กินทุกวัน ไม่ต้องปลูกใหม่เรื่อยๆ คือ ปลูกทีเดียวแล้วกินได้ตลอด เช่น ตำลึง ขิง ข่า กระชาย ขมิ้น คือตัวเองเป็นคนไม่ค่อยขยันปลูกต้นไม้ใหม่ทุกๆ วัน ก็เลยเลือกแบบปลูกครั้งเดียวแต่กินได้นานๆ ปล่อยให้เขาแตกยอด แตกหน่อได้ทุกวัน เมื่อเราเห็นผลดี เราก็เชิญชวนให้คนในละแวกบ้านมาร่วมกันทำด้วย แล้วเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้โครงการเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน แรกๆ ก็ปลูกสมุนไพร พริก มะเขือกะเพรา โหระพา ตะไคร้ ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรามีของกินโดยไม่ต้องซื้อแล้วเรามีวัตถุดิบมากพอ เราก็เริ่มแปรรูปสินค้าที่มีโดยให้ชุมชนส่งวัตถุดิบให้เรา เราทำเป็นเครือข่ายช่วยๆ กันทำเน้นการพึ่งตัวเองให้ได้ก่อน แล้วเราก็มารวมตัวกันเป็นกลุ่ม เราบอกว่าเราต้องรอดไปด้วยกัน แล้วเราก็จะทะเบียนวิสาหกิจชุมชน แล้วค่อยๆ ขยายเป็นการท่องเที่ยววิถีชุมชนเชิงเกษตรบ้านมหาสอน บ้านหมี่ ลพบุรี
● ช่วงแรกเริ่มทำท่องเที่ยวชุมชนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานอะไรบ้างครับ
คุณขวัญ : แรกๆ ก็ไม่มีใครเข้ามาแนะนำ แต่เราก็ขวนขวายหาความรู้เอง เราคุยกับชาวบ้านในละแวกนี้ แรกๆ ก็คิดจะทำสารพัดเรื่อง คิดไปตามความฝัน ความเพ้อของตนเอง คิดว่าต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น ขวัญเคยคิดว่าคนมีรายได้ทางเดียวเขาอยู่กันได้อย่างไรหนอ เขาเอาอะไรกินอะไรใช้ทั้งปี เราก็เลยคิดร่วมกันถึงเรื่องหารายได้เพิ่มเสริมให้ครอบครัว คือหาเงินจากกระเป๋าสอง กระเป๋าสาม โดยคุยและหาทางทำให้เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อเปิดศูนย์เรียนรู้แล้ว เริ่มการผลิตแล้ว ก็มีปัญหาว่าจะเอาสินค้าไปขายที่ไหน ขายใคร ทุกคนทำกันทุกบ้าน แล้วใครจะซื้อของเรา เรามี
สินค้าขาย แต่ไม่รู้จะขายให้ใคร เราก็เลยต้องขายสินค้าของเราให้คนนอกชุมชน คิดหาทางว่าทำอย่างไรให้สินค้าของเราเป็นที่รับรู้ของคนนอกชุมชน ทำอย่างไรให้คนภายนอกชุมชนมาซื้อสินค้าเรา ก็พบทางออกว่า ถ้าเช่นนั้นต้องดึงคนนอกชุมชนมาเที่ยวบ้านเราให้ได้ เราต้องให้เขามาเห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนของเรา ดึงเขามาลองทำมาลองใช้ชีวิตแบบเรา มาร่วมกันผลิตกับเรา เมื่อเขาเห็น เขาเข้าใจแล้ว เขาก็น่าจะช่วยซื้อสินค้าของเรา เพราะเขามั่นใจการผลิตของเรา คือ มาเรียนรู้ร่วมกัน ผลิตร่วมกันและเห็นกระบวนการร่วมกัน คือสร้างการมีส่วนร่วมนั่นเอง แล้วเราก็แบ่งปันกัน นี่คือหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ทำให้เราทุกคนมีความสุขตามแบบฉบับของเรา เป็นความสุขเรียบๆ ง่ายๆ แต่ยั่งยืน ขวัญเลยตั้งแนวคิดเรื่องความสุขที่เรียบง่าย ไม่ต้องวุ่นวายมากนักเป็นความสุขบางเวลา ณ บางขามค่ะ คือเน้นว่าเรารู้จักกันคิดถึงกันบางเวลา คิดถึงเมื่อไรก็มาพบมาเจอกันที่บางขามแวะมาหากัน มาคุยกัน เป็นมิตรภาพที่น่ารักและยาวนานเหมือนเพื่อนจริงๆ คบกัน เหมือนญาติที่มีความหวังดีต่อกันเรามาเจอกันบางเวลาที่เราสะดวก แล้วเราก็เติบโตไปพร้อมๆ กัน แบ่งปันทุกข์สุขกันละกัน
● จัดการท่องเที่ยวชุมชนแบบไหนบ้าง มีจุดขายอะไรบ้างครับ
คุณขวัญ : บ้านเรามีสายน้ำขาม เราก็ต้องมีล่องเรือแพไปตามลำน้ำขาม และนั่งรถอีแต๋นเที่ยวชุมชนการเกษตร แล้วที่น่ารักคือ duck academy หรือการไปดูเป็ดไล่ทุ่ง อยู่กับฝูงเป็ด ตามดูว่าเป็ดทำอะไร กินอะไร มีพฤติกรรมอะไร แล้วเราก็เก็บไข่เป็ดไปกินกัน คนที่เคยดูฝูงเป็ดไล่ทุ่งต่างสนุกสนานกับพฤติกรรมของเป็ดที่เลี้ยงในทุ่งโล่ง ได้เห็นการสื่อสารระหว่างคนเลี้ยงเป็ดกับฝูงเป็ด ได้ออกกำลังกายในท้องทุ่งโล่ง อากาศดี ได้บรรยากาศแบบลูกทุ่ง และได้ซื้อไข่เป็ดกลับไปรับประทาน เป็นการกระจายรายได้ที่ตรงตัวถึงคนเลี้ยงเป็ดโดยตรง
● การท่องเที่ยวชุมชนวิถีเกษตรเป็นการท่องเที่ยวแบบที่ไม่ต้องประดิษฐ์อะไรเพิ่มเติมให้มากมาย เน้นวิถีชุมชน เน้นธรรมชาติในท้องถิ่น ใช่ไหมครับ
คุณขวัญ : ใช่ค่ะ เน้นการใช้สิ่งของที่มีอยู่จริงๆในชุมชน เน้นการกระจายรายได้ เน้นการส่งเสริมให้คนนอกชุมชนเข้าใจความเป็นอยู่ของชุมชนของเรา โดยหลักการแล้วเราใช้สิ่งที่ท้องถิ่นมีอยู่จริงๆ แล้วเราช่วยเพิ่มมูลค่าให้ เราไม่เน้นการปลูกสร้างอะไรใหม่ๆ เพิ่มเติมโดยผิดไปจากวิถีของชุมชน
● ผลิตผลของชุมชนที่นำเสนอขาย นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแล้วมีอะไรอีกบ้างครับ
คุณขวัญ ผลไม้ต่างๆ เช่น แตงโมจากท้องนาในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ไข่เค็มสมุนไพร มะนาวบ้านพุทราบ้าน ขนมพื้นบ้าน มะม่วงกวน ไก่ฝอยอบกรอบ เป็นต้น ผลผลิตทั้งหมดทำจากคนในชุมชนมหาสอนทั้งหมดค่ะ
● กว่าจะรวมตัวกันได้เป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบทุกวันนี้ มีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้างครับ
คุณขวัญ : เริ่มจากการรวมตัวของคนกลุ่มเล็กๆ ก่อน เน้นคนที่คิดและเชื่อเหมือนกันก่อน แต่แรกๆ ก็มีคำถามมากมายว่าใครเขาจะมาเที่ยวบ้านเรา บ้านเราไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรพิเศษ ไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนนอกชุมชนมาเที่ยวมหาสอน แต่เราก็บอกกันว่าถ้าเช่นนั้น ลองดู
กันสักตั้งแล้วกัน ถ้าไปได้เราก็ไปกันต่อ ถ้าไม่สำเร็จเราก็ใช้ชีวิตแบบเดิมของเรา ไม่ลองไม่รู้ แล้วเราก็ลงมือทำ ทำไปปรับไป จนสุดท้ายเป็นที่รู้จักของคนภายนอกมากขึ้นก็ต้องขอบคุณพี่เลี้ยงจากหน่วยงานต่างๆ ที่ให้คะแนะนำ เช่น หน่วยงานจากการท่องเที่ยวและกีฬา และสถาบันการศึกษาอีกหลายแห่งที่ให้ความรู้กับเรา เราบอกกับคนในชุมชนว่าเราขายความเป็นชุมชนมหาสอนแบบจริงๆ ไม่มีอะไรประดิษฐ์เพิ่มเติม เราขายความเป็นธรรมชาติของมหาสอน แรกๆ ก็ลงขันกันเป็นเงิน 3,600 บาท ปรากฏว่าขาดทุนยับตั้งแต่เริ่ม เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการ เนื่องจากบรรดาแม่ๆ โหมทำอาหารให้ลูกค้าจนเกินกำไรที่จะได้ เพราะเราคิดว่าต้องให้เขามากๆ ให้เยอะๆ เขามาเที่ยวบ้านเรา เราต้องให้เขาประทับใจ ปรากฏว่าเจ๊ง แต่ก็มาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ผิดเป็นครู แล้วเราก็มาหาทางปิดจุดอ่อนที่ทำให้เราขาดทุน นี่คือกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของชาวบ้าน ทำให้เกิดบทเรียน แล้วปรับตัวได้ในที่สุด เมื่อแก้ปัญหาได้ ทุกคนก็เริ่มมีรายได้ และมีความสุขเพราะอยู่บ้านตัวเองแล้วมีอาชีพเสริมมีรายได้เพิ่มชาวมหาสอนภูมิใจที่คนภายนอกรู้จักหมู่บ้านของเรามากขึ้นมาเที่ยวมากขึ้น นี่คือความสุขแบบหนึ่งของบรรดาแม่ๆ ในมหาสอน หลายคนบอกตรงกันว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น และมีเพื่อนจากนอกชุมชนมาเยี่ยมมาเที่ยว ทำให้ไม่เหงาแม้จะไม่ได้ไปไหนก็ตาม หลายคนรู้ว่าตัวเองมีคุณค่า แม้ไม่มีลูกหลานกลับมาบ้านบ่อยๆ แต่ก็มีคนต่างถิ่นมาเที่ยวมาเยี่ยมเป็นประจำ หลายคนมีรายได้เพิ่มปีๆ หนึ่งพอๆ กับการทำนาข้าว 10 ไร่ และมีเงินใช้หนี้ใช้สินจนหมดแล้ว แต่ช่วงโควิด-19 ระบาด ก็ไม่มีการเดินทางท่องเที่ยว ก็ซบเซาไปพอประมาณ แต่ตอนนี้ก็กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว
● ถามทิ้งท้าย คนที่มาเที่ยวบ้านมหาสอนจะได้ความประทับใจอะไรบ้างครับ
คุณขวัญ : เราเน้นให้ผู้มาเยือนมหาสอนได้พบกับธรรมชาติแบบมหาสอน ความเป็นตัวตนของมหาสอนที่นี่อาจไม่สะดวกสบายเหมือนที่บ้านของผู้มาเยือน แต่เรามีธรรมชาติแท้ๆ ไว้ต้อนรับ เราได้อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับลมหายใจของตัวเอง นั่งมองสายน้ำ นั่งเล่นริมน้ำ เอาเท้าแช่น้ำ รับลมเย็นๆ จากแม่น้ำ เหมือนได้มาเพิ่มพลังใช้ชีวิตได้มา charge battery ให้ชีวิต เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อนสนิทหรือบ้านญาติที่ต่างจังหวัด มีมิตรภาพให้กันและกัน ได้คุยกันได้นอนริมแม่น้ำ ที่นี่ไม่สะดวกสบายเท่าโรงแรมห้าดาว ไม่มีแอร์คอนดิชั่นเนอร์ ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้อาบ ไม่มีอ่างน้ำให้นอนแช่ แต่เรามีธรรมชาติจริงๆ ให้ แค่คุณๆ ได้มาสัมผัสลมแม่น้ำที่โชยมาเบาๆ ได้หายใจลึกๆ รับอากาศบริสุทธิ์ ได้กินอาหารชุมชนที่คุณมีส่วนร่วมปรุงด้วยมือของคุณเอง ได้กินอาหารรสชาติของชุมชน ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาชุมชน ได้พูดคุยกับแม่ๆ และคนเฒ่าในชุมชน และได้เห็นเด็กๆ ในชุมชนเล่นสนุกตามแบบของเขา แค่นี้ก็ทำให้ยิ้มออกด้วยความสบายใจแล้ว เราเน้นการให้ความสบายใจกับผู้มาเยือน สนใจอยากมาสัมผัสความเป็นบ้านมหาสอน โปรดเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ เพจบ้านมหาสอน หรือพิมพ์คำว่าบ้านสวนขวัญ ชุมชนมหาสอน บ้านหมี่ ลพบุรี นะคะ หรือโทรศัพท์สอบถามที่เบอร์ 084-7751435 หากตัดสินใจไปเที่ยวชุมชนมหาสอน ขอให้โทรศัพท์แจ้งก่อนค่ะ เพราะจะได้จัดเตรียมการต้อนรับ เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม หากไม่ติดต่อไปก่อนชาวบ้านก็จะไปไร่ไปนา ทำให้ไม่ได้เตรียมการต้อนรับผู้มาเยือน
คุณสามารถรับชมรายการไลฟ์ วาไรตี รายการที่ให้ทั้งสาระและความรู้ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น. ทางโทรทัศน์ NBT ช่องหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี