พฤติกรรมชอบทำอะไรซ้ำๆ เช่น ล้างมือซ้ำๆ, ตรวจสอบประตูซ้ำๆ มีความคิดหมกมุ่นที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นซ้ำๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคย้ำคิดย้ำทำ ถึงแม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่รุนแรงถึงชีวิต แต่ก็สามารถส่วผลกระทบอย่างมากในการใช้ชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH-Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder) เป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถพบได้ทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก โดยพบได้ประมาณ 1.2% ของประชากร ซึ่งผู้ป่วยจะมีความกังวลหรือความสงสัย ไม่มั่นใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และพยายามแก้ไขความกังวล ความสงสัยนั้นด้วยการทำกิจกรรมบางอย่างซ้ำไปซ้ำมา
โรคย้ำคิดย้ำทำมี 2 องค์ประกอบ
อาการย้ำคิด (Obsession) คือ มีความคิดหมกมุ่นที่ควบคุมไม่ได้ เกิดขึ้นซ้ำๆไม่สามารถหยุดคิดได้ ถึงแม้ว่าตัวเองจะรู้ว่าความคิดนั้นจะไม่สมเหตุสมผล ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกินจริง เช่น กลัวเชื้อโรค, หมกหมุ่นกับความเป็นระเบียบ, กลัวสิ่งไม่ดีจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เป็นต้น
อาการย้ำทำ (Compulsion) คือ การทำพฤติกรรมต่างๆ หรือ การคิดในทางตรงข้าม เพื่อพยายามลดความวิตกกังวลจากการย้ำคิด เช่น ล้างมือซ้ำๆ,ตรวจสอบประตูซ้ำๆ, ตรวจสอบปลั๊กไฟ หรือเตาอบซ้ำๆ
อาการย้ำคิด-ย้ำทำ อาจพบร่วมกับความผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ เช่น ขยิบตาบ่อยๆ ยักไหล่ กระตุกศีรษะหรือไหล่ หรือส่งเสียงผิดปกติ เช่น กระแอม คำราม หรือพูดคำหยาบโดยควบคุมไม่ได้
ปัจจัยเสี่ยงของโรคย้ำคิดย้ำทำ มีดังนี้
1.มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
2.อายุ อาการของโรคย้ำคิดย้ำทำมักเริ่มเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
3.พันธุกรรม ผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นโรคนี้จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยยิ่งถ้าญาติสายตรงเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำตั้งแต่เด็กหรือวัยรุ่น ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
4.สิ่งแวดล้อม เช่น หากได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจในวัยเด็ก ก็อาจเป็นปัจจัยส่งผลให้เกิดอาการย้ำคิดย้ำทำได้
5.ช่วงตั้งครรภ์ และระยะหลังคลอด จะพบอุบัติการณ์ของโรคย้ำคิดย้ำทำได้มากขึ้น โดยอาการมักเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของลูก หรือการวิตกกังวลว่า
ตัวเองจะดูแลลูกไม่ดีพอ
สำหรับการรักษาโรคย้ำคิดย้ำทำที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การใช้ยา ร่วมกับการทำจิตบำบัด โดยยากลุ่มหลักที่ใช้ในการรักษาโรคนี้คือ Serotonin selective reuptake inhibitors (SSRIs) ซึ่งจะช่วยปรับระดับของสารสื่อประสาท Serotonin ในสมองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนการจิตบำบัดนั้น จะเน้นไปที่การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT) ผ่านเทคนิค Exposure and Response Prevention (ERP) โดยมีจุดมุ่งหมายคือการพยายามให้ผู้ป่วยหลุดพ้นวงจรย้ำคิด-ย้ำทำ ผ่านการพยายามยับยั้งการทำพฤติกรรมย้ำทำ เมื่อได้รับการกระตุ้นซึ่งความร่วมมือกันระหว่างผู้ป่วย และทีมการรักษา เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการรักษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี