Coffee, Milk and Potato 1896
ใน Kunst Museum Bern ยังมีศิลปินสวิส อีกผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนมีฉายาว่า National Painter นั่นคือ Albert Anker หรือ Albrecht Samuel Anker เขาเกิดในปี 1831 ที่เมือง Inn จาก Samuel Anker บิดาที่เป็นสัตวแพทย์ พ่อของเขาย้ายไปเมือง Neuchatel ในปี 1836 และส่งเขาเข้าเรียนการร่างภาพกับFrederic Wilhelm Moritz ก่อนจะหันมาเรียนพิเศษกับ Louis Wallinger ในปี 1845 ปี 1851เขาเข้าเรียนสาขา Theology ที่มหาวิทยาลัยกรุงเบิร์น ก่อนจะต่อไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเมือง Halle เยอรมนี การเรียนที่เยอรมนีทำให้เขาได้เข้าไปสัมผัสกับงานศิลปะที่โดดเด่นเป็นจำนวนมากส่งผลให้เขาขออนุญาตให้บิดายอมให้เขาทำงานด้านศิลปะ และเปลี่ยนชื่อจาก Albrecht เป็น Albert เพื่อให้เพื่อนชาวฝรั่งเศสเรียกชื่อเขาได้ง่ายขึ้น
ปี 1855 เขาเข้าเรียนที่ Ecole nationale superieure des Beaux-Arts ในกรุงปารีสร่วมกับ Charles Gleyre ในช่วงที่เขาเรียนหนังสืออยู่นี้ เขาสร้างงานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพระคัมภีร์ไบเบิล หลังจบการศึกษาเขาเน้นงานเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของผู้คนตามชนบทตามความเชื่อแบบคริสเตียนของเขา งานของเขาแตกต่างจากงานของศิลปินในรุ่นเดียวกัน อาทิGauguin ที่ปราศจากมุมมองในแง่ลบแต่เต็มไปด้วยความสวยงามเฉกเช่นสรวงสวรรค์ นอกจากนี้ เขายังชื่นชอบวาดงานStill life บนโต๊ะอาหารของทั้งชาวบ้านและชาวเมือง หลังจบการศึกษาเขาได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการศิลปะที่บ้านของพ่อแม่ และเข้าชมนิทรรศการตามเมืองใหญ่ทั้งในสวิสและปารีสเป็นประจำ ในช่วงที่เขาอยู่ปารีส เขาได้ทำงานตกแต่งจาน และเครื่องปั้นดินเผาให้กับ Theodore Deck
Young Girl with A Loaf of Bread 1887
ในปี 1864 เขาแต่งงานกับ Anna Rufli และมีลูกด้วยกัน 6 คน แต่ 4 คนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก เขาได้รับรางวัลเหรียญทองในปี 1866 จาก Paris Salonเนื่องจากเขาเป็นผู้มีชื่อเสียงตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้รับการว่าจ้างให้วาดงานสีน้ำเป็นจำนวนมาก The Gallery of AdolpheGoupil ในกรุงปารีสเป็นสถานที่สำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เขามีชื่อเสียงด้วยการส่งงานของเขาไปให้ลูกค้าทั่วทั้งยุโรป ยิ่งเมื่อเขาทำงานให้กับ Gotthelfs เขายิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก เขายังรับใช้ประเทศชาติด้วยการช่วยงานด้านการศึกษา และศาสนาโดยเฉพาะในเมือง Ins บ้านเกิด อีกทั้งยังช่วยงานออกแบบก่อสร้างมิวเซียมให้กับกรุงเบิร์นด้วย
ในปี 1878 เขาได้รับยศอัศวินเป็น Legion d’honneur ก่อนจะได้รับการเชิญให้เป็นสมาชิกของ Grand Council of Bern อันเป็นผลมาจากการที่เขาให้ความช่วยเหลือในงานก่อสร้าง Kunst Museum Bern ระหว่างปี 1889-93 เขาได้รับเชิญให้เป็นสมาชิกของ Swiss Federal Art Commission และได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเบิร์นในปี 1900ปีต่อมาเขาป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการสร้างงานของเขานับจากนั้นมา แม้เขาจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่กว่าเขาจะสามารถมีนิทรรศการผลงานเดี่ยวที่จัดขึ้น ณ Museed’art et d’histoire Neuchatel ได้ก็ในปี 1910 หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเยือนKunst Museum Bern จะเห็นว่า ผลงานของเขาไม่ว่าจะเป็นภาพเหมือน ภาพที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตประจำวันของผู้คน ภาพ Still Lifeล้วนมีความประณีต อบอุ่น เหมือนจริงและเข้าถึงง่ายสมกับที่เขาได้รับการยกย่องให้เป็น Most Famous Swiss Artist of all time หรือ National Painter จนทำให้ผลงานของเขาเป็นที่ต้องการของตลาดตลอดเวลาจวบจนถึงปัจจุบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี