จังหวัดลำพูน ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องของประเทศไทย ในการขับเคลื่อนโครงการไม่ดื้อต่ออินซูลิน สร้างตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการรักษาสุขภาพของตนเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน หรือ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ด้วยคณะกรรมการบริหารจัดการระบบศึกษาและวิจัยของสภากาชาดไทย มีข้อมูลว่า โรคเบาหวานเริ่มต้นด้วยอาการที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งสามารถแก้ไขไม่ให้ลุกลามเป็นโรคเบาหวานได้ด้วยการออกกำลังกาย แต่เดิมการดื้อต่ออินซูลินนี้ มักจะเกิดในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน แต่เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานหลายฉบับทั่วโลกว่า ผู้ที่เคยเป็นโรคโควิด-19 มีโอกาสดื้อต่ออินซูลินสูงถึงร้อยละ 30 ซึ่งหากปล่อยไว้ประชากรไทยจะมีปัญหาในการเกิดโรคเบาหวานเป็นจำนวนมาก เกิดต้นทุนในการบริหารงานด้านสาธารณสุขของประเทศได้
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารจัดการระบบศึกษาและวิจัยของสภากาชาดไทย ได้ดำเนินการวิจัยในการลดอุบัติการณ์การเกิดโรคเบาหวานโดยการลดการดื้อต่ออินซูลิน ก่อนเกิดโรคเบาหวาน ด้วยการใช้รูปแบบของการออกกำลังกายที่พิสูจน์ด้วยผลงานวิจัยแล้วว่าสามารถแก้ไขการดื้อต่ออินซูลินได้ และสมควรที่จะนำงานวิจัยมาขยายผลเพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดเบาหวาน
ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้คัดเลือกจังหวัดลำพูน เป็นจังหวัดนำร่อง 1 ใน 4 ของประเทศไทย และได้บูรณาการการดำเนินการร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน โรงพยาบาลลำพูน และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูนมาตั้งแต่ปี 2566
สำหรับสถานการณ์โรคเบาหวานจังหวัดลำพูน ทุกอำเภอมีผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี โดยจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานในปี 2566 ของจังหวัดลำพูน มีจำนวน 30,627 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 เกือบ 2,000 รายอำเภอที่มียอดผู้ป่วยเบาหวานสูงสุด คือ อำเภอป่าซาง
ด้านข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 ของจังหวัดลำพูน ระหว่างปี 2563 ถึงปัจจุบัน จังหวัดลำพูนมีผู้ป่วยโควิด-19 รวมจำนวน 156,622 คน ซึ่งผู้ป่วยเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีโอกาสดื้อต่ออินซูลินสูงถึงร้อยละ 20 อีกทั้งจังหวัดลำพูนมีผู้ป่วยโรคอ้วนในปี 2566 จำนวน 8,399 คน และในกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดโรคเบาหวานสูงกว่าคนปกติ และมีโอกาสดื้อต่ออินซูลินสูงถึงร้อยละ 10
ในการนี้ จังหวัดลำพูน กำหนด Kick off กิจกรรมคนลำพูน (ไม่ดื้อต่ออินซูลิน) ภายใต้โครงการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในจังหวัดลำพูน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2567 ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ผ่านกลไกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป้าหมายในระยะแรก 200 คน ระยะเวลาดำเนินการ 12 สัปดาห์ เพื่อร่วมกันป้องกันให้คนลำพูนไม่ดื้อต่ออินซูลิน สร้างสังคมสูงอายุที่แข็งแรง
กลวิธีดำเนินงาน มีดังนี้ ขับเคลื่อนกิจกรรมการออกกำลังกาย ผ่านกลไกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) Health Coach พี่เลี้ยงเสริมแรงจูงใจ จะลงพื้นที่สนทนารายบุคคลเพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพ เชิญชวนให้เข้ารับบริการ
ค้นหาแรงจูงใจ สิ่งสำคัญผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมในการออกกำลัง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองตามรูปแบบที่เหมาะสม ในระยะเวลาทั้งสิ้น 12 สัปดาห์ต่อเนื่อง โดยจะมีการกำกับติดตามผลทางสุขภาพด้วยการชั่งน้ำหนัก วัดรอบเอว วัดความดันเจาะเลือด เป็นระยะ
เมื่อเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 นี้แล้ว จะเชิญชวนกลุ่มเป้าหมาย คือ อสม.ในระยะเริ่มต้นจำนวน 200 คนเข้าร่วมออกกำลังกายต้านเบาหวาน จากนั้นในเดือนธันวาคม 2567 จะคัดเลือก อสม. ที่สามารถขับเคลื่อนโครงการได้เป็นผลสำเร็จ เข้ารับรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน โดยจะมีรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนต่อไป
ทั้งนี้ จังหวัดลำพูน จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาสุขภาพของตนเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน หรือ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน เพื่อขับเคลื่อนให้จังหวัดลำพูน เป็นเมืองแห่งคุณภาพชีวิต สุขภาวะ และสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี