เมื่อสัปดาห์ก่อน Mr. Flower พาคุณไปเที่ยวบ้านเกิดของ Willian Shakespere มหากวีเอกคนสำคัญของอังกฤษที่ในยุคศตวรรษที่ 16 ซึ่งบ้านเกิดของ Shakespere อยู่ที่ Stratford-upon-Avon แล้วสัญญาว่าจะพาคุณๆ ไปเที่ยวชมบ้านเกิดของ Shakespere และเที่ยวชมเมืองบ้านเกิดของเขา
สัปดาห์นี้จะพาคุณไปชมหมู่บ้านสุดแสนโรแมนติก ชื่อ Cotswolds ในเมีอง Bourton-on-the-Water เมืองชนบทที่แสนน่ารัก และเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แบบยุคต้นศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะตัวบ้านที่ยังใช้หินเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง และที่สำคัญมากที่สุดคือมีแม่น้ำเล็กๆ ที่ใสและสะอาดมากไหลผ่านหมู่บ้าน ชื่อแม่น้ำ Windrush ด้วยความที่เป็นลำน้ำสายเล็กที่ไม่กว้างมากนัก จึงทำให้การก่อสร้างสะพานในหมู่บ้านแห่งนี้ออกมาในรูปแบบสะพานหินที่ไม่ได้สูงใหญ่เหมือนสะพานในแม่น้ำที่กว้างใหญ่ แต่ด้วยเหตุที่มีแม่น้ำ Windrush ไหลผ่านหมู่บ้าน และในหลายจุดของหมู่บ้านก็อยู่ใกล้ชิดกับแม่น้ำที่แสนจะโรแมนติก จึงทำให้เมืองนี้ได้ชื่อว่า Venice of the Cotswolds ด้วยความน่ารักน่าหลงใหลของชุมชนแห่งนี้จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยือนในแต่ละปีประมาณ 3 แสนคน ในขณะหมู่บ้านนี้มีประชากรถาวรประมาณ 3,500 คนเท่านั้น
แต่การที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนจำนวนมากก็ไม่ได้ทำให้เสียเอกลักษณ์ของความเป็นหมู่บ้านแสนสุข แสนสงบ เนื่องจากมีการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้มีโรงแรมไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวแบบชนิดที่ว่าใครมาก็สามารถเข้าพักได้เพราะมีห้องพักจำกัด จึงทำให้นักท่องเที่ยวเน้นการเที่ยวแบบ day trip มากกว่าการนอนพักค้างคืนในหมู่บ้าน แต่หากตัดสินใจจะนอนพักกันจริงๆ ก็ต้องจองโรงแรมก่อน
หมู่บ้าน Cotswolds ยังมีประวัติยาวนานกว่านั้น เพราะมีการขุดสำรวจทางด้านโบราณคดีแล้วพบว่าเป็นชุมชนมาตั้งแต่ยุคหิน และยุคสำริด รวมถึงยุคเหล็กด้วย (Stone Age and Bronze Age and also Iron Age) แต่ปัจจุบันหมู่บ้านนี้คือแหล่งพักอาศัยที่แสนสงบ และเรียบง่าย แต่ทว่ามากล้นไปด้วยความโรแมนติกและมนต์เสน่ห์ที่มัดใจให้คนผู้ซึ่งเบื่อบรรยากาศในตัวเมืองใหญ่อย่างกรุงลอนดอนต่างถวิลหา อ้อ! เกือบลืมบอกเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งให้ทราบคือที่นี่มีแหล่งศึกษาเรียนรู้ซากไดโนเสาร์ด้วย
Bourton-on-the-Water ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ Stratford-upon-Avon ระยะทางจากหมู่บ้านทั้งสองห่างกันแค่เพียงขับรถยนต์ส่วนตัวโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่อันที่จริงสามารถใช้รถสาธารณะได้อย่างสะดวกพอสมควร เพราะมีรถเมล์หลายสายแล่นให้บริการ แต่หากนั่งรถเมล์ก็จะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ซึ่งแล้วแต่ว่านั่งรถเมล์สายอะไร เพราะแต่ละสายจะแล่นในเส้นทางที่ต่างกัน
กล่าวได้ว่า Bourton-on-the-Water เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปเยือนตลอดปี แต่ช่วงที่นับว่าเป็น high season ของหมู่บ้านแห่งนี้คือช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด ดังนั้น หากคุณๆ ตัดสินใจจะไปเที่ยวกับ Mr.Flower ในช่วงหน้าร้อนนี้ ก็ต้องจองที่กันตั้งแต่บัดนี้ เพราะมิฉะนั้น คุณจะไม่มีโอกาสได้นอนพักในเมืองแสนน่ารักแห่งนี้อย่างแน่นอน ส่วนในหน้าหนาว โดยเฉพาะช่วง Christmas ก็จะเป็นอีกช่วงหนึ่งที่คุณจะได้เข้าพักในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ยากเย็นแสนเข็ญ เพราะว่ามีผู้จองห้องพักในโรงแรมจนเต็มแบบข้ามปี
เอาเป็นว่าหากคุณต้องการไปเที่ยว Bourton-on-the-Water กับ Mr.Flower ก็ขอให้คุณติดต่อที่หมายเลข 091-7233615 นะครับ ส่วนจะไปช่วง summer หรือช่วง Christmas ก็ต้องจองที่นั่งล่วงหน้านะครับ แล้วไปเที่ยวกันนะครับ เน้นการเที่ยวแบบกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี