จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีรากเหง้าต้นกำเนิดมาจากโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า เมื่อ พ.ศ. 2442 แล้วได้พัฒนาสืบต่อมาจนกระทั่งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงประดิษฐานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้น เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2459จึงนับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย โดยในช่วงแรกจัดแบ่งการศึกษาเป็น 4 คณะ คือรัฐประศาสนศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ในปีนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีอายุ 107 ปีและในโอกาสนี้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อทรงบาตร และทรงเป็นประธานการแสดงดนตรีไทยปีพาทย์ดึกดำบรรพ์ และทรงดนตรีพระราชทาน โดยในการนี้มีการจัดแสดงนาฏยศิลป์ และการจับระบำอู่ทอง โดยนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย
การแสดงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ในปีนี้ มีการแสดงต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ เริ่มรายการด้วยการบรรเลงและขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วบรรเลงเพลงโหมโรงมหาจุฬาลงกรณ์ การอ่านบทกลอนด้วยทำนองเสนาะ 107 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยนิสิตคณะอักษรศาสตร์ และขับลำเดี่ยวสารถี ออกลูกบทจับระบำอู่ทอง และตามด้วยการขับร้องและบรรเลงดนตรีไทยชุด เวียดนามเย็นใจ บทเพลงพระราชนิพนธ์และการแสดงพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยวงสายใยจามจุรี ร่วมกับวงดนตรีสากลสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีเวียดนาม
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์คำอธิบาย การแสดงชุดเวียดนามเย็นใจ ไว้ว่า ที่ผ่านมาได้เขียนเพลงที่ใช้สำเนียงภาษาต่างๆ มามากแล้ว ครั้งนี้จึงตั้งใจเขียนสำเนียงเวียดนาม.......ได้ดูการแสดงหลายอย่าง มีการต่อตัวเคยมีคนเล่าว่าในไทยแสดงในงานพระราชทานเพลิงศพ(ไม่ทราบว่าเป็นการแสดงที่ไทยเรียกว่าญวนหกหรือไม่ และได้ยินว่าต้องใช้ทหารเรือแสดง ถูกผิดอย่างไรไม่ทราบ เพราะฟังมาเมื่อยังเด็กมาก) เรารู้จักการแสดงลาวกระทบไม้ ญวนกระทบไม้ก็มี....... ในปีนี้จะต้องไปเวียดนามอีก เพื่อไปทำงานด้านโรงเรียนในโครงการ กพด. อาจจะได้สิ่งของมาแสดงได้อีก แต่จะให้แต่งใหม่ น่าจะไม่ไหว
(หมายเหตุ กพด. คือกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร)
อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตอธิบายว่าปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์คืออะไรโดยสังเขป เพื่อให้คุณผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น ปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์มีลักษณะสำคัญคือการใช้วงปี่พาทย์ที่มีเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลรื่นหู โดยใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม แล้วใช้เครื่องดนตรีที่ให้เสียงทุ้มต่ำกังวาน เช่น ระนาดเอก ระนาดทุ้มไม้ ระนาดทุ้มเหล็ก ฆ้องวงใหญ่(เครื่องดนตรีเหล่านี้ใช้ไม้นวมตีทั้งสิ้น) และมีขลุ่ยกลองตะโพน 2 ลูก ฆ้องหุ่ย 8 ลูก แขวนเป็นราวเรียงกันตามลำดับ) ตะโพน กลองแขก ฉิ่ง และซออู้
ตามประวัติกล่าวว่าวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ได้ชื่อมาจากเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) โดยใช้สำหรับบรรเลงในการแสดงละครดึกดำบรรพ์ ดังนั้น วงดนตรีที่ใช้บรรเลงก็จึงได้ชื่อว่า วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ไปด้วย
(ขอขอบคุณภาพประกอบจากศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี