นักท่องเที่ยวที่รอต่อเครื่อง และไม่อยากอยู่ Zurich หลังจากลงเครื่อง เมืองหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล สวยงาม และเที่ยวง่ายก็คือSchafhausen เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยยุคกลางนี้สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟกลาง Zurich เพียงแค่ 40-60 นาทีด้วยรถไฟ หรือหากไม่ต้องฝากกระเป๋าก็สามารถเดินทางจากสนามบินเลยก็มีเที่ยวรถไฟตรงเช่นกัน ใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น เมืองที่ถูกกล่าวถึงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในปี 1050 นี้เป็นเมืองที่มีการปกครองตัวเองตั้งแต่ปี 1208 ต่อมาในปี 1330 พระจักรพรรดิ Louis of Bavaria ได้ยกที่นี่ให้กับราชวงศ์ Habsburgs แห่งออสเตรีย จวบจนปี 1418 เมื่อชาวเมืองสามารถซื้ออิสรภาพของตัวเองจากราชวงศ์ Habsburg ได้พวกเขาก็ร่วมกับสมาพันธ์ 6 แห่ง กลายเป็นสวิสในปี 1454 และได้กลายเป็นสมาชิกของ Old Swiss Confederacy ในปี 1501
เมื่อเกิดการปฏิวัติยุโรปอันเป็นต้นกำเนิดของ Protestant ในปี 1524 โชคร้ายเริ่มมาเยือน เมื่อสวีเดน (Protestant) และบาวาเรีย (Roman Catholic) ทะเลาะกันในช่วงสงคราม 30 ปี เมืองถูกทำลายลงไปมาก แต่เมื่อรถไฟสาย Rheinfallbahn มาถึงในปี 1857 เมืองก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมากจวบจนเดือนเมษายน ปี 1944 Schaffhausen ประสบภัยครั้งใหญ่อีกจากความผิดพลาดของเครื่องบินสหรัฐฯ ที่ต้องการทิ้งระเบิดทำลายเยอรมันทั้งๆ ที่สวิสเป็นกลางในสงครามโลก ครั้งที่สอง ส่งผลให้ประธานาธิบดี Franklin DelanoRoosevelt ต้องส่งจดหมายมาขอโทษชาวเมืองและจ่ายค่าซ่อมแซมเมืองให้มากถึง 4 ล้านดอลลาร์
การที่เมืองซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสวิสที่มีชายแดนติดกับเยอรมันนี้มีการพัฒนาขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่นี่เป็นจุดกำเนิดของน้ำตกไรน์ จึงเป็นที่ซึ่งเรือต้องมาขนถ่ายสินค้า แม้บางส่วนของเมืองจะโดนระเบิดลูกหลงของสหรัฐฯ แต่อาคารในเมืองเก่าส่วนใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบ Gothic และ Baroque ยังอยู่รอดปลอดภัยและสวยงาม ที่นี่เลยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมทั้งป่าดำ ทะเลสาบ Constance และน้ำตกไรน์ นักท่องเที่ยวสามารถได้รับความประทับใจตั้งแต่เดินออกจากสถานีรถไฟ ส่วนเมืองเก่าที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เริ่มต้นของตลาดบนถนน Vordergasse ก็เต็มไปด้วยอาคารสวยงาม
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของเมือง 2 แห่งที่ใช้เวลาไม่มากในการเยี่ยมชมคือ 1.Haus zum Ritter บนถนน Vordergasseที่นี่เคยมีหน้าบันที่เป็นภาพปูนเปียกตามแนวทางศิลปะแบบRenaissance ของเทือกเขาแอลฟ์ตอนเหนือจากฝีมือของTobias Stimmer ซึ่งทำขึ้นในปี1568 ก่อนถูกปรับปรุงอีกหลายครั้งจนถึงปี 1918 และถูกย้ายออกไปในปี 1935 เพื่อไปจัดแสดงที่Museum of All Saints ผลงานที่เห็นในปัจจุบันเป็นของ Carl Roesch ที่จัดทำเลียนแบบขึ้นในปี 1938ผลงานที่จัดทำเป็นไปอย่างมีเรื่องราว ภาพที่เห็นเด่นที่สุดตรงกลางเป็นรูปชายสวมมงกุฎอันเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ผู้หญิงอันเป็นสัญลักษณ์ของคริสเตียน และชายอีกคนสวมหมวกแบบบิชอปอันเป็นสัญลักษณ์ของศาสนจักร เหนือขึ้นไปเป็นเนื้อหามาจากเรื่อง Odyssey นอกจากบ้านหลังนี้แล้ว บริเวณเมืองเก่ายังมีสถาปัตยกรรมสวยๆ รวมทั้งน้ำพุที่มีประติกรรมโดดเด่นอยู่กลางเมืองให้ถ่ายรูปได้ด้วย และ 2.ป้อมปราการMunot ที่มองเห็นได้แต่ไกล ป้อมที่ถูกสร้างระหว่างปี 1564-89 ซึ่งถูกออกแบบโดย Albrecht Durer นี้ ใช้สำหรับเป็นที่ป้องกันเมือง นักท่องเที่ยวที่มีขาแข็งแรงสามารถเดินบันไดขึ้นไปได้ระดับพอเหงื่อออกเพื่อชมภาพมุมสูงของเมือง ส่วนภายในก็เป็นเพียงป้อมโล่งๆ แต่ก็ยังสามารถถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนานเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี