นักท่องเที่ยวสายมิวเซียมที่มาเยือน Schaffhausen และมีเวลามากพอหลังจากชมเมืองและเข้ามิวเซียม IWC แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าสนใจก็คือ Museum of All Saints หรือ All Saints Museumมิวเซียมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสวิส ซึ่งบรรจุประวัติศาสตร์มากมายของเมืองไว้ มิวเซียมนี้เริ่มต้นขึ้นจากการนำเอาแนวคิดที่จะสร้างมิวเซียมบริเวณ Schwabentor เมื่อปี 1900 มาปัดฝุ่นใหม่ เทศบาลเมืองได้ให้บริษัทสถาปนิก Schafer and Martine Risch มาปรับปรุงอาคารสำนักสงฆ์ Benedict ที่มีอายุกว่าพันปีให้เป็นมิวเซียมอเนกประสงค์ในปี 1919 ด้วยหลักการที่ต้องคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมเดิมๆ ของสำนักสงฆ์ที่กำลังจะพังให้คงอยู่ในสภาพดีขึ้น
โดยอาศัยต้นแบบจาก The Swiss NationalMuseum ของเมืองซูริค
หลังการปรับปรุงมิวเซียมอยู่ 6 ปี มิวเซียมที่มี 28 ห้อง ก็สามารถเปิดทำการได้ในปี 1928 และได้ทำการขยายต่อในปี 1935 ภายใต้การปรับปรุงของบริษัทสถาปนิก August Arter and Martin Risch โดยมอบหมายให้Karl Sulzberger เป็นผู้อำนวยการ โชคร้ายมาเยือนเมื่อสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดโดนมิวเซียมในปี 1944 ส่งผลให้มิวเซียมถูกทำลายลงไปมากจนบางส่วนไม่สามารถปรับปรุงให้กลับคืนมาได้โดยเฉพาะงานจิตรกรรมที่สำคัญจำนวนมากถึง70 ชิ้น รวมทั้งงานของ Tobias Stimmer ศิลปินพื้นเมือง Schaffhausen ชื่อดังจำนวน 9 ชิ้นด้วย
ในการรณรงค์เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวสวิส บริษัทห้างร้าน ประชาชนและรัฐบาลร่วมมือกันบริจาคเงินและแรงงานปรับปรุงมิวเซียมใหม่จนสามารถเปิดทำการได้อีกครั้งในวันที่ 18 พฤษภาคม ปี 1946โดยตั้งให้ Walter Ulrich Guyan เป็นผู้อำนวยการแทน เขาได้จัดนิทรรศการขึ้นหลายครั้ง อาทิ Masterpiece of Old German Painting1947, Rembrandt and his time 1949, MaxGubler 1962 และ Edvard Munch 1968 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยยืมผลงานสำคัญๆที่มีชื่อเสียงมาจากมิวเซียมอื่นๆ ทั่วสวิส
ในทศวรรษที่ 1980 มิวเซียมได้ขยายอีกครั้งด้วยการควบรวมงานสะสมที่เกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ธรรมชาติเข้ามาด้วยซึ่งเท่ากับเป็นการทดแทน Natural History Museum ที่ถูกทำลายไปในวันที่ 1 เมษายน 1944 เข้าไว้ด้วยกัน ปี 1991 มิวเซียมได้รับการบริจาคของสะสมชุดใหญ่จาก Marcel Ebnother นักสะสมของเก่าชาวสวิสส่งผลให้มิวเซียมต้องขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก ปี 2001 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการปรับปรุงครั้งใหม่มิวเซียมได้จัดนิทรรศการ From the Dead Sea to the Pacific ขึ้นโดยจัดแสดงของสะสมที่ได้รับมาจาก Ebnother ซึ่งเป็นของเก่าที่สำคัญที่สุดชุดหนึ่งของยุโรปโดยจัดแสดงไว้ในส่วนต่อขยายของมิวเซียมที่เชื่อมด้วยทางเชื่อมเหนือถนน Baumgartenstrasse
ปี 2005 เพื่อให้การจัดแสดงเป็นไปอย่างไม่แออัด ชาวเมืองได้อนุมัติเงินกู้ 7.8 ล้านฟรังก์สวิส เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเนื้อหาโดยออกแบบส่วนที่เกี่ยวข้องกับโบราณคดีเป็นหลัก อีกทั้งยังเพิ่มส่วนร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกด้วย การปรับปรุงครั้งนี้เสร็จสิ้นในปี 2015 โดยอาศัยเงินช่วยเหลือจากบริษัทห้างร้านในเมืองเพิ่มเติมอีกต่างหาก นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือน All Saints Museum Schaffhausen อาจรู้สึกแปลกใจตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง ทั้งนี้ เพราะโครงสร้างภายนอกดูแปลกตาจากการที่เคยเป็นสำนักสงฆ์เก่ามาก่อนนั่นเอง ถึงกระนั้นก็ตาม การตกแต่งภายในและของจัดแสดงยังคงรักษามาตรฐานความเป็นมิวเซียมไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องสมกับเป็นชาติมหาเศรษฐีจริงๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี