การให้อาหารทางสายให้อาหาร (enteral tube feeding) หรือการให้อาหารทางทางเดินอาหาร (enteral nutrition, EN) คือ การให้สารอาหารเข้าทางทางเดินอาหาร โดยผ่านสายยางหรือท่อ โดยปลายสายมักอยู่ในกระเพาะอาหาร การให้อาหารรูปแบบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอ โดยยังมีการใช้ทางเดินอาหารอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารยังมีการทำงานเป็นปกติ ป้องกันการฝ่อของเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ ซึ่งการฝ่อนี้จะทำให้เกิดภาวะแบคทีเรียหรือสารพิษที่อยู่ในลำไส้เคลื่อนเข้าในกระแสเลือด ทำให้เพิ่มการอักเสบและความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ ดังนั้นการให้อาหารรูปแบบนี้จึงควรพิจารณาก่อนการให้อาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition, PN) เสมอ ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหารไม่สามารถทำงานได้ หรือภาวะลำไส้ล้มเหลว (intestinal failure)
ผู้ป่วยที่ควรได้รับอาหารทางสายให้อาหาร คือ ผู้ป่วยที่ทางเดินอาหารยังสามารถทำงานได้ เช่น ไม่มีภาวะลำไส้อุดตัน ลำไส้ทะลุ หรือลำไส้เคลื่อนไหวผิดปกติอย่างรุนแรง ร่วมกับไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้อย่างเพียงพอหรืออย่างปลอดภัย เช่น มีการอุดตันที่คอหรือหลอดอาหารจากมะเร็ง มีการอักเสบอย่างรุนแรงในช่องปาก มีภาวะเบื่ออาหารอย่างรุนแรง หรือมีภาวะกลืนลำบากอย่างรุนแรงทำให้เกิดอาการสำลักในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคอื่นๆ เป็นต้น การให้อาหารทางสายให้อาหารในผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีประโยชน์ ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหาร รวมถึงสารน้ำที่เพียงพอโดยยังได้รับประโยชน์ของการใช้ทางเดินอาหารอยู่ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ดังนั้นถ้ามีข้อบ่งชี้เหล่านี้ โดยเฉพาะถ้ามีความเสี่ยงของภาวะทุพโภชนาการ (malnutrition) เช่น น้ำหนักลด กินได้น้อย หรือดัชนีมวลกายน้อยกว่า 18.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลเพื่อพิจารณาการให้อาหารทางสายให้อาหาร
สำหรับชนิดของการให้อาหารทางสายให้อาหาร สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ การให้อาหารทางสายให้อาหารผ่านรูจมูกหรือปาก และการให้อาหารทางสายให้อาหารผ่านการเจาะทางหน้าท้อง โดยทั่วไปมักเริ่มให้อาหารทางสายให้อาหารผ่านรูจมูกก่อน และจะพิจารณาให้อาหารผ่านการเจาะทางหน้าท้องในกรณีที่ต้องการหรือคาดว่าจะต้องการการให้อาหารทางสายให้อาหารนานมากกว่า 4-6 สัปดาห์ ซึ่งการให้อาหารทางการเจาะทางหน้าท้องจะมีประโยชน์ คือ การให้อาหารจะง่ายกว่า เนื่องจากสายมักจะมีขนาดใหญ่กว่า และไม่ต้องเปลี่ยนสายบ่อยทุก 4 สัปดาห์เหมือนการให้อาหารทางจมูก โดยการให้อาหารผ่านการเจาะหน้าท้องสามารถทำได้ผ่านการส่องกล้อง การใช้เทคนิคทางรังสี หรือการผ่าตัด
สำหรับผู้ป่วยที่กลัวหรือกังวลว่าการใส่สายจะมีความเจ็บปวดหรือทำให้รับประทานอาหารทางปากไม่ได้ขอแนะนำว่าไม่ต้องกังวล การเจ็บจากการใส่สายจะมีแค่ในช่วงสั้นๆ ที่ใส่และแพทย์จะพยายามใส่โดยการใช้สารหล่อลื่นช่วย โดยหลังจากใส่เสร็จแล้วหลังจากนั้นมักจะไม่มีความเจ็บปวดอีก และการใส่สายมักไม่ได้ขัดขวางการรับประทานอาหารทางปากผู้ป่วยยังสามารถรับประทานอาหารทางปาก หรือฝึกกลืนโดยอาหารฝึกกลืนได้หลังใส่สายให้อาหาร
โดยสรุปการให้อาหารทางสายให้อาหาร เป็นรูปแบบหนึ่งของการดูแลรักษาทางโภชนาการในผู้ป่วยที่ทางเดินอาหารยังสามารถทำงานได้และผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เพียงพอ หรือปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเพียงพอ และได้รับประโยชน์ของการใช้ทางเดินอาหารอีกด้วย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์นริศร ลักขณานุรักษ์
สาขาวิชาโภชนาการคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี