เอ็น.อาร์.จิวเวลรี่ แฟคตอรี่ ลุยงานแฟร์อัญมณีและเครื่องประดับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึง Jewellery & Gem ASEAN Bangkok หรือ JGAB 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1-4 พ.ค. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ริญญารัตน์ วิลัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น.อาร์.จิวเวลรี่ แฟคตอรี่ จำกัดกล่าวว่า ตั้งแต่มีการระบาด ของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมวงการเครื่องประดับและจิวเวลรี่เป็นอย่างมากซึ่งบริษัทของเราก็ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน เนื่องจากเราเป็นโรงงานที่ผลิตเครื่องประดับเพชร ทองและเงินที่ส่งขายตามร้านจิวเวลรี่ขนาดใหญ่ในเมืองไทยพอโควิดระบาดทำให้บริษัทจิวเวลรี่หลายๆ ร้านที่เคยสั่งสินค้าจากเราได้หยุดกิจการไป
ทั้งนี้ แต่เดิมบริษัทเรามีช่างฝีมือที่ทำงานกว่า 100 คน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 คนเนื่องจากเราได้ลดขนาดบริษัทลง มีการปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการพร้อมกับหาตลาดใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ปัจจุบันเราเน้นเรื่องการส่งออกเป็นหลักจากเดิมที่ขายในประเทศ 80% ส่งออก 20% หลังโควิดระบาดเราได้มีการปรับเป็นเน้นการส่งออกให้มากขึ้นเทียบแล้วก็กว่า 80% เลยทีเดียว สำหรับสินค้าที่เราขายอยู่ปัจจุบันได้แก่ เครื่องประดับทอง 18K 14K และ 9K เครื่องประดับเงิน รวมไปถึงเครื่องประดับเพชร พลอย ทับทิม ไพลิน มรกต พลอยสี บลูโทพาส และอเมทิสต์ เป็นต้น
“การไปออกงานแฟร์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศรวมถึง Jewellery & Gem ASEAN Bangkok หรือ JGAB 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1-4 พ.ค. 2567 เป็นการเพิ่มโอกาสให้เราได้เจอลูกค้าต่างชาติ เจอคู่แข่ง และพันธมิตรมากมาย ที่สำคัญทำให้เรารู้ว่าต้องปรับปรุงสินค้าตัวไหนให้ตอบโจทย์ตลาดในปัจจุบัน เช่น แหวนประดับเพชรแต่เดิมเราเน้นตัวทองให้หนา ทำให้ราคาสูงเกินไป แต่พอไปออกงานแฟร์พบปะพูดคุยกับลูกค้า ทำให้เรารู้ว่าจะแข่งกับตลาดลำบากเราจึงปรับตัวทองให้บางลง ราคาไม่สูง เรียกได้ว่าใช้ของคุณภาพดีแต่ราคาไม่แพงเกินไป นอกจากนี้หลังจบงานแฟร์ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ออเดอร์จากลูกค้าทั่วโลกอีกด้วย”
นางสาวริญญารัตน์ กล่าวต่อว่า ฐานลูกค้าของเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย ศรีลังกา และญี่ปุ่น โดยเฉพาะการเพิ่มฐานที่ญี่ปุ่นให้มากขึ้น ถือเป็นแผนสำคัญของเรา เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็น Brand Loyalty ถ้าทำติดตลาดแล้วเราจะอยู่ได้นาน
นอกจากการปรับกลยุทธ์การขายที่เน้นส่งออกเป็นหลัก เราได้ทำหน้าร้าน หรือโชว์รูมเพื่อให้ลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างประเทศเข้ามาเลือกสินค้าของเราได้โดยตรง ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองหาเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง หรือเพชร เป็นต้น
“แต่เดิมธุรกิจของเราเป็นธุรกิจครอบครัว เริ่มจากคุณพ่อเป็นช่างทอง พอออกมาทำโรงงานของตัวเอง โดยมีคุณแม่เป็นเซลส์ ก็นำสินค้าไปเสนอขายตามร้านจิวเวลรี่ แต่ยังไม่เคยมีหน้าร้านของตัวเอง พัฒนาเรื่อยมาจนเป็นโรงงานที่มีพนักงานช่างฝีมือนับร้อยคน เมื่อถึงเวลาที่เราเข้ามาร่วมบริหารจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการส่งออกไปต่างประเทศ และการมีหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จัก N.R. Jewelry Factory มากขึ้น”
อย่างไรก็ตามเราเชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์โลกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ หรือเลวร้ายไปมากที่เป็นอยู่นั้นก็คาดว่าเศรษฐกิจโลกก็จะเริ่มทยอยฟื้นตัว แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งจัดเป็น Luxury goods หรือสินค้าฟุ่มเฟือยนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี