เมื่องานคราฟต์ถูกกล่าวหาว่า “ไม่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน…” ทั้งๆ ที่หากมองย้อนกลับไปในอดีต งานหัตถกรรมถือว่าเป็นของใช้สอย
ที่มีประโยชน์ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit จัดงานระดมความคิดขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมไทย ในงานประชุมเสวนา sacit Craft Power SACIT The Future of Crafts : Guru Panel กับเป้าหมายในการผลักดันสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยไปสู่ตลาดโลกภายใต้วิถีของความยั่งยืน จากผู้เชี่ยวชาญในงานศิลปหัตถกรรม อาทิ ศาสตราจารย์เกียรติคุณวิบูลย์ ลี้สุวรรณ, ครูมีชัย แต้สุจริยา, ดร.สิริกร มณีรินทร์, ม.ล.ภาวินี สันติศิริ, อาจารย์ ดร.ไพโรจน์ พิทยเมธี, นางสาวชลดา สิทธิวรรณ, นายอาสาผิวขำ, นายพิติรัตน์ วงศ์สุทินวัฒนา, รศ.ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ เพื่อหารือแนวทางร่วมกัน 3 แกน ได้แก่ Unseen Craft, Thainess และ Craft Power พันธกิจที่จะพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของโครงการ sacit Craft Power จึงต้องแผ่ออกมาให้มองเห็นกระบวนคิด เพื่อให้ศิลปหัตถกรรมไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ให้คนสามารถใช้งานได้ในชีวิตจริง
หัวข้อ Unseen Craft จึงถูกเลือกมาเสวนาเป็นประเด็นแรก โดยกล่าวถึงแรงบันดาลใจใหม่จากศิลปหัตถกรรมไทยที่ยังไม่เคยเห็นเปิดมุมมองโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณวิบูลย์ ลี้สุวรรณ ราชบัณฑิตประเภทวิชาวิจิตรศิลป์สาขาวิชาจิตรกรรม ราชบัณทิตยสภา หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญศิลปหัตถกรรมที่มีความหลงใหลในเสน่ห์ของงานศิลปหัตถกรรม หรือเรียกได้ว่าเป็นนักสะสมงานศิลป์อันสื่อถึงภูมิปัญญาของคนไทยในการประยุกต์ใช้วัสดุในท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ให้เกิดคุณค่าและความสวยงาม แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้งานศิลปหัตถกรรมคงอยู่ นั่นคือการทำให้คนรุ่นใหม่มองเห็นศิลปหัตถกรรมไทยผ่านการส่งเสริมความรู้ “ถ้ารู้ความงาม ประวัติ เราก็จะรู้คุณค่าของมัน” ศาสตราจารย์เกียรติคุณวิบูลย์ กล่าว
เพราะนอกจากการจัดการองค์ความรู้แล้ว การเผยแพร่เรื่องราวคุณค่าของภูมิปัญญาก็เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันในอีกแง่หนึ่ง และในอีกแง่มุมหนึ่งงานศิลปหัตถกรรมก็ยังเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geography Indication) เช่น ผ้ากาบบัว ของครูมีชัย แต้สุจริยา ครูศิลป์ของแผ่นดิน ประเภทผลงานเครื่องทอ ปี 2559 (ผ้ากาบบัว) ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ทอผ้า) ซึ่งเป็นผ้าทอที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอุบลราชธานี แสดงให้เห็นถึงที่มาของลวดลาย การใช้วัสดุและภูมิปัญญา อันเชื่อมโยงกับความรู้ต่างๆ ของท้องถิ่น นำมาประยุกต์เข้ากัน จนเกิดเป็นสินค้าหัตถกรรมที่นำไปสู่การสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์
Thainess คือเรื่องที่ 2 ที่ถูกยกขึ้นมาเสวนา เพราะความเป็นไทยที่ไทยภาคภูมิใจ หรืออีกนัยหนึ่งคือการสร้างรสนิยมให้คนไทยใช้ของไทย โดยเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือผู้บริโภคสมัยนิยม ควบคู่ไปกับการผสานการเล่าเรื่องแบบไทย โดยประยุกต์ลงไปในงานคราฟต์ แต่เมื่อเข้าสู่ตลาดสากลการใช้ภาษาเดียวกันในการสื่อสารนับเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยเล่าเรื่องราวของงานดีไซน์ แนวคิดการใช้งาน ให้สามารถเข้าใจได้ง่ายในระดับสากล ซึ่งจะส่งผลดีในการช่วยยกระดับ และเพิ่มมูลค่าให้กับศิลปหัตถกรรมไทย ดังที่ ม.ล.ภาวินี สันติศิริ กล่าวไว้ในหัวข้อนี้
ในมุมหนึ่งการรวบรวมความรู้และการสร้างสรรค์งานหัตถกรรมให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทยให้เกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ ควรทำให้พวกเขามีความรู้ ความเข้าใจ จนนำไปสู่การสร้างอาชีพตั้งแต่ระบบการศึกษา อย่างไรก็ดี ผู้อยู่เบื้องหลังของการสร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรมไทยอย่าง ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ไปจนถึงนักออกแบบ บุคคลเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่จะสามารถผลักดันให้งานหัตถศิลป์ไม่สูญหาย และเติบโตไปพร้อมกับการสร้างมูลค่าได้อย่างยั่งยืน
หัวข้อสุดท้าย ความนิยม Craft Power เปิดมุมมองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดย ดร.สิริกร มณีรินทร์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการสถาบันช่างศิลป์ ท้องถิ่น สำนักบริหารวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (ธัชชา) เกี่ยวกับการสร้างพลังแบบไทยสู่อิทธิพลความคิดระดับโลก ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งในเวทีเสวนา และแวดวงกูรูที่ทุกท่านต่างมุ่งหวังให้งานศิลปกรรมหัตถกรรมเติบโตได้อย่างยั่งยืน อีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเรื่องนี้ได้นั่นคือการท่องเที่ยว เพราะนับเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตในการเข้ามามีบทบาทเพื่อช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ให้คนทั่วไปได้มองเห็นเสน่ห์ของงานศิลปหัตถกรรม ในขณะเดียวกันการดีไซน์ให้งานศิลปหัตถกรรมกลมกลืนอยู่ในทุกๆ อุตสาหกรรม เช่น การนำวัฒนธรรมมาผสานกับความคิดสร้างสรรค์เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ไอศกรีมลายกระเบื้องพระปรางค์วัดอรุณฯ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างวัดผลสำเร็จในการสร้าง ได้อย่างไม่น่าเชื่อ การวัดผลนั้นเหมือนเห็นผลสัมฤทธิ์ตั้งแต่ต้นน้ำ ทางด้านวัตถุดิบทางการเกษตร จนถึงปลายน้ำของผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือรวมไปถึงกระแสความนิยมสมัยใหม่ที่บริโภคสินค้าอุตสาหกรรมผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์
ทั้ง 3 ประเด็น ที่ถูกยกมาในวงประชุมเสวนา sacit Craft Power จะรวบรวมและนำไปจัดทำกรอบแนวคิด SACIT The Future of craft, Trend Forecast 2025 เพื่อช่วยผลักดันให้งานศิลปหัตถกรรมไทยก้าวหน้าไปในทุกมิติ และมีความยั่งยืน รวมทั้งช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาด้านต่างๆ ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน นอกจากนี้ ยังเป็นการสืบสานภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมให้อยู่ในระดับสากลในเวทีโลกต่อไปในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี