วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
โรคสมาธิสั้น… เป็นได้ก็รักษาได้ โตขึ้นจะหายไหม?

โรคสมาธิสั้น… เป็นได้ก็รักษาได้ โตขึ้นจะหายไหม?

วันอังคาร ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 07.00 น.
Tag : โรคสมาธิสั้น
  •  

อัตราความชุกของโรคสมาธิสั้นทั่วโลกอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5-12 ซึ่งเท่าๆ กับประเทศไทย นั่นหมายความว่า ถ้าในห้องเรียนหนึ่งห้องมีเด็กอยู่ 40 คน แต่ละห้องจะมีเด็กที่ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นอย่างน้อย 2-4 คน และพบอีกว่าจะเป็นในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ซึ่งเด็กผู้ชายมักจะมีอาการซนอยู่ไม่นิ่ง และจะสังเกตเห็นอาการได้ชัดเจนตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.2 เพราะเด็กมักจะป่วนเพื่อนในห้องเรียน อาจรบกวนการสอนของครู แต่เด็กผู้หญิงมักจะเป็นอาการชนิดเหม่อ ใจลอย ขี้หลงขี้ลืม ทำงานช้าทำงานไม่เสร็จ

แพทย์หญิงปัทมาพร ทองสุขดี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาล BMHH -Bangkok Mental Health Hospital ให้ข้อมูลว่า พัฒนาการของเจ้าตัวเล็กลูกของเราบางครั้งอาจบ่งบอกความผิดปกติได้ ฉะนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตและอย่าปล่อยผ่านเมื่อเกิดความสงสัย โดยเฉพาะโรคสมาธิสั้น (ADHD - Attention Deficit Hyperactivity Disorder) ดังนั้นหากรู้เท่าทันและรักษาได้ทันท่วงทีย่อมช่วยให้อาการของลูกดีขึ้นและเติบโตได้อย่างมีความสุข


“โรคสมาธิสั้น” จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการของสมอง(neurodevelopmental disorders) โดยที่เด็กจะมีความบกพร่องของสมองมาตั้งแต่เกิด ซึ่งความบกพร่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสติปัญญา แต่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการควบคุมตัวเอง ทำให้เด็กแสดงออกด้านพฤติกรรม 3 ด้าน หลักๆ ได้แก่ ซนอยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity) หุนหันพลันแล่น วู่วาม ใจร้อน (impulsivity) และ ขาดสมาธิ (inattention)

1. พฤติกรรมซุกซนไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไหวตลอดเวลา ยุกยิก ต้องหาอะไรทำ เหมือนเด็กที่ติดเครื่องตลอดเวลา พูดมาก พูดเก่ง ชอบเล่นหรือทำเสียงดังๆ เล่นกับเพื่อนแรงๆ เด็กกลุ่มนี้จะรู้จักกันในชื่อว่า “เด็กไฮเปอร์” 2.พฤติกรรมขาดความยับยั้งชั่งใจตนเอง ใจร้อน วู่วาม หุนหันพลันแล่น ขาดความระมัดระวังในการทำสิ่งต่างๆ พูดโพล่ง พูดแทรก รอคอยอะไรไม่ค่อยได้

3. พฤติกรรมขาดสมาธิ ว่อกแว่กง่าย เหม่อลอยจดจ่ออะไรนานๆ ไม่ได้ขี้ลืม เบื่อง่าย ไม่ค่อยรอบคอบ ทำงานไม่เสร็จตามเวลา ไม่ชอบทำงานที่ต้องอาศัยสมาธิ หรือความพยายาม โดยเด็กบางคนอาจมีอาการเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือมีทั้ง 3 กลุ่มอาการร่วมกันก็ได้

พ่อแม่มักวิตกกังวลกลัวว่าลูกที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะอยู่ร่วมกับสังคมไม่ได้ จะเจอกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตมากมาย อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป แม้ว่าโรคสมาธิสั้นจัดเป็นโรคเรื้อรังอย่างหนึ่ง แต่เด็กที่มีอาการตั้งต้นไม่มาก ได้รับการวินิจฉัยและเริ่มเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย พ่อแม่ คุณครู ช่วยกันดูแลช่วยเหลือฝึกทักษะต่างๆ เป็นอย่างดีและสม่ำเสมอ เด็กกลุ่มนี้ก็จะมีโอกาสดีขึ้น และเมื่อเด็กโตขึ้น เขาจะควบคุมสมาธิของตัวเองได้ และใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป โดยไม่ต้องรับประทานยาอีกต่อไป

การรักษาเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่าง พ่อแม่ และคุณครู เพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีสภาพจิตใจที่ดี ไม่เต็มไปด้วยบาดแผลทางใจ หรือมีปมตั้งแต่เด็ก และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ การรักษามีทั้งการรักษาด้วยยา การปรับพฤติกรรม การปรับวิธีการเลี้ยงดู และการดูแลช่วยเหลือในห้องเรียน หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีอาการเข้าข่ายที่จะเป็นโรคสมาธิสั้น ขอให้รีบพามาพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ เด็กที่มีอาการโรคสมาธิสั้นที่ได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อยจะมีโอกาสที่จะหายขาดเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม อย่ากังวลใจ เด็กสมาธิสั้นอาการจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นหรือเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งแม้ว่าจะหลงเหลืออาการสมาธิสั้นอยู่บ้าง ก็อาจจะได้รับประทานยาเฉพาะเวลาที่มีความจำเป็นจริงๆ เช่น ใกล้สอบ ต้องส่งรายงานสำคัญให้หัวหน้า ต้องเข้าประชุม หรือนำเสนองานสำคัญ เป็นต้น พวกเขาก็สามารถยืนอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘โรคสมาธิสั้น’ เป็นได้ก็รักษาได้ โตขึ้นจะหายไหม? ‘โรคสมาธิสั้น’ เป็นได้ก็รักษาได้ โตขึ้นจะหายไหม?
  •  

Breaking News

‘พิเชษฐ์‘ไม่ไหวทนฟัง! ออกโรงโต้-ให้ตรวจสอบ‘งบฯสภาฯ’ 8 พันล้าน ท้าตรวจกระทรวง-หน่วยงานอื่นด้วย

'ไอซ์'สับเละงบฯ 69 ชี้ทุจริตภาครัฐทำสูญเงิน 5 แสนล้านต่อปี ซัดโยกงบไปลง'ผู้รับเหมา'หมด

'ฮุนเซน'ลั่นไม่อยากเห็น การปะทะไทย-เขมร! แต่หนุนรัฐบาลส่งทหาร-อาวุธหนัก ป้องกันชายแดน

รวบแล้ว! หนุ่มคลั่งยา-พนันออนไลน์ วิ่งราวทรัพย์สาวพม่า กราบเท้าแม่สำนึกผิด

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved