กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ประกาศผลการคัดเลือก “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี 2567 เพื่อคัดสรรเมนูอาหารถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสชาติที่โดดเด่น ซึ่งมีหลายเมนูที่หลายคนอาจยังไม่เคยลิ้มลอง อีกทั้ง ส่งเสริมและพัฒนาอาหารถิ่นไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ตลอดจนยกระดับอัตลักษณ์อาหารไทยในเวทีสากล โดยเมนู “ขนมหน่อไม้” เมนูอาหารหวานจากจังหวัดปราจีนบุรีได้รับคะแนนโหวตสูงสุดถึง 22,945 คะแนน ทั้งนี้ มีประชาชนร่วมโหวตเมนูในทุกจังหวัดรวม 1.99 แสนคน
ขนมหน่อไม้ปราจีนบุรี
กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับ 76 จังหวัด และ กทม. ได้ดำเนินการคัดเลือกอาหารถิ่นประจำจังหวัด ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste) ประจำปี 2567 โดยแต่ละจังหวัดมีคณะกรรมการประจำจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้แทนที่เป็นประธาน ดำเนินการคัดเเลือก รวมทั้งเปิดให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัด ร่วมโหวตเมนูที่ควรได้รับการคัดเลือกในจังหวัดตนเองพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ได้ประกาศผลการคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี 2567 ไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีเมนูอาหารที่ให้ประชาชนร่วมโหวตทั่วประเทศ 563 รายการ แบ่งเป็นเมนูอาหารคาว 234 รายการ เมนูอาหารหวาน 184 รายการ เมนูอาหารว่าง 143 รายการ และเมนูอาหารอื่น 2 รายการ พร้อมเปิดให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการโหวตคัดเลือกผ่านสื่อท้องถิ่น สื่อออนไลน์ต่างๆ ทุกช่องทาง ซึ่งแต่ละเมนูมีความพิเศษและสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของแต่ละจังหวัดอย่างชัดเจน ซึ่งเมนูอาหารหวานจากจังหวัดปราจีนบุรี “ขนมหน่อไม้” ได้รับความสนใจและมีการโหวตสูงสุดถึง 22,945 คะแนน
ขนมวงเชียงใหม่
รองลงมา ได้แก่ เมนูอาหารหวาน “ขนมถังแตกมอญ” จากจังหวัดกาญจนบุรี 4,660 คะแนน และ เมนูอาหารคาว “ปลายอก ข้าวบอก” จากจังหวัดกระบี่ 4,259 คะแนน นอกจากนี้ ยังมีเมนูที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ “ขนมเหนียวสูตรโบราณ” จาก กทม., “กาละแมรวงข้าวเม็ดบัว” จากจังหวัดปทุมธานี “ยำไก่ผีปู่ย่า” จากจังหวัดสุโขทัย, “แกงอีเหี่ยว” จากจังหวัดเพชรบูรณ์ และ “แกงคั่วหนามพุงดอหมูย่าง” จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, “ข้าวมันแกงตอแมะห์ปลา” จากจังหวัดสตูล“น้ำพริกหมู (โคราช)” จากจังหวัดนครราชสีมา, “นมเนียล” จากจังหวัดสุรินทร์, ขนมล่อจี้ จากจังหวัดชุมพร, ขนมพระพาย จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ขนมวง จากจังหวัดเชียงใหม่, ขนมปาด จากจังหวัดลําพูน เป็นต้น
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า โครงการนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว เพื่อรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอาหารไทยและวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับอาหารถิ่นของไทย พร้อมทั้งต่อยอดภูมิปัญญาด้านสมุนไพรและสรรพคุณทางเลือกที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและเครือข่ายวัฒนธรรมทั่วประเทศ ในการคัดสรรเมนูอาหารถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสชาติที่โดดเด่น ซึ่งมีหลายเมนูที่หลายคนอาจยังไม่เคยลิ้มลอง อีกทั้ง ส่งเสริมและพัฒนาอาหารถิ่นไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ตลอดจนยกระดับอัตลักษณ์อาหารไทยในเวทีสากลด้วย
ขนมพระพายอยุธยา
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมดังกล่าวนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์อาหารถิ่นไทย แต่ยังเป็นการส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมอย่างยอดเยี่ยม และเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศได้ตามรอยและลิ้มรสอาหารถิ่นที่มีความพิเศษจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อเมนูอาหารถิ่น พร้อมร้านจำหน่ายได้ที่ เว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม / Facebook กรมส่งเสริมวัฒนธรรม https://www.culture.go.th/culture_th/ewt_news.php?nid=7843&filename=index (ประกาศรายชื่อ 1 จังหวัด 1 เมนูฯ) และ Facebook สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ
“วธ.ต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง ทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนทุกจังหวัด ที่ร่วมดำเนินการคัดเลือก และร่วมโหวตเมนูอาหารถิ่นประจำจังหวัด
ในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ สวธ. จะได้นำเมนูอาหารถิ่นทั่วประเทศที่ได้รับการคัดเลือกปีนี้ มาสาธิตและให้ลองชิมพร้อมกัน ณ กรุงเทพมหานคร ช่วงเดือนกันยายนนี้ ซึ่งรายละเอียดของงานจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป” อดีตรมว.สุดาวรรณ กล่าวในที่สุด
ขนมล่อจี้ชุมพร
ขนมปาดจากจังหวัดลําพูน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี