กระทรวงสาธารณสุข จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ “Service Plan Sharing” ปีพ.ศ. 2567 ยกระดับบริการเพื่อสุขภาพคนไทย ด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัล สุขภาพทันสมัย “Upgrading Thai social healthcare through modern digital technology.” เพื่อเป็นเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการและประสบการณ์ เป็นต้นแบบในการทำงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สามารถนำไปปรับใช้ในเขตสุขภาพอื่นๆ ตามบริบทของพื้นที่ต่อไป

นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานพร้อมปาฐกถาพิเศษในการประชุมสัมมนาเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ “Service Plan Sharing” ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 10 ภายใต้แนวคิด “ยกระดับบริการเพื่อสุขภาพคนไทย ด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัลสุขภาพที่ทันสมัย : Upgrading Thai social healthcare through modern digital technology.” ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขจากทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และภาคีเครือข่ายนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย ราชวิทยาลัยฯสมาคมวิชาชีพต่างๆ และบุคลากรสาธารณสุขเข้าร่วมประชุม จำนวน 1,500 คน มีผลงานทางวิชาการแต่ละสาขามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งมีการมอบรางวัลผลงานวิชาการและนวัตกรรมดีเด่น จำนวน 42 รางวัล

นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มีนโยบายการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) มุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริการที่เชื่อมโยงสถานบริการทุกระดับและครอบคลุมในทุกมิติ สอดรับกับความต้องการของประชาชน และความพร้อมของพื้นที่ โดยมีเป้าหมาย เพื่อลดอัตราป่วย อัตราตาย ลดความแออัดลดระยะเวลารอคอย และสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสาธารณสุขไทย ให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งปัจจุบัน มีจำนวน 22 สาขา ในระยะ 10 ปี ของการพัฒนาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีการจัดบริการที่มีคุณภาพ ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม และปลอดภัย ทั้งการคัดกรองโรค การเพิ่มการเข้าถึงบริการรักษาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างครอบคลุม อาทิ การผ่าตัดหัวใจ การสวนหัวใจ การฉายรังสี การรักษาผู้ป่วยด้วยสายสวนหลอดเลือดสมองพัฒนา ศูนย์ความเป็นเลิศด้านสุขภาพช่องปาก ครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาระบบบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว เช่น การพัฒนาห้องฉุกเฉินคุณภาพ การให้คำปรึกษาทางไกลการดูแลผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด การล้างไต รวมถึงการดูแลผู้ป่วยประคับประคองและผู้ป่วยระยะท้าย ทั้งที่บ้านและชุมชนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วน อาทิ ราชวิทยาลัย สมาคม ชมรม ต่างๆ อปท. และภาคประชาชน

การสัมมนาครั้งนี้ จึงนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่ผู้บริหาร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบบริการ ผู้ปฏิบัติงานทุกสาขาวิชาชีพ ทุกเขตสุขภาพ ได้มาร่วมกันวางแผนการพัฒนาระบบบริการ การบูรณาการความเชื่อมโยงการให้บริการในแต่ละสาขา รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำเร็จจากผลงานเด่นของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาระบบบริการในพื้นที่ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างสูงสุดต่อไป