บนเวทีเสวนาในหัวข้อ “กินแบบกรีนกรีน สูตรลับสุขภาพดีที่โลกต้องการ” ส่วนหนึ่งของงานมหกรรมด้านความยั่งยืน Sustainability Expo 2024 ที่ผ่านมา นิปปอน-นวนันท์ บำรุงพฤกษ์ ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรชื่อดังที่ขอสลัดลุคนักข่าวมาร่วมแชร์ประสบการณ์ด้านสุขภาพ ร่วมกับ โดย แม็กซีน-อินทิพร แต้มสุขิน นักเล่าเรื่องที่อยากทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย
นิปปอน-นวนันท์ บำรุงพฤกษ์
สำหรับเรื่องกินแบบ กรีนกรีน นี้ นิปปอน-นวนันท์ เผยว่า “ยังพูดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นคนกินคลีนหรือกินกรีน 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างเต็มปาก แต่เรียกว่าเป็นคนที่กินอาหารที่ดีและดูแลสุขภาพควบคู่กัน หลายคนเข้าใจว่ากินคลีน กินกรีน แล้วจะต้องสุขภาพดี หรือกินเพื่อลดน้ำหนัก ก็ไปหาสูตรมากมายทั้งคีโต โลว์คาร์บ แต่จริงๆ อาจจะต้องหาสิ่งที่เหมาะสำหรับตัวเรา ที่เราทำโดยไม่ฝืนแล้วบาลานซ์เพื่อไม่ให้ตัวเราเครียด ไม่ให้ร่างกายเราเครียด ถ้าเราบังคับร่างกายว่าห้ามกินน้ำตาลเด็ดขาด หรือต้องน้ำตาล 0% กินแต่ผัก ห้ามโน่นห้ามนี่ ร่างกายเราก็จะเครียด สุดท้ายแทนที่จะเป็นผลดีกับร่างกาย ก็กลับกลายเป็นผลเสีย ดังนั้น นิยามการกินแบบกรีนกรีนของตน ก็คือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และบาลานซ์ทั้งร่างกายและจิตใจ”
แม็กซีน-อินทิพร แต้มสุขิน
ทางด้านแม็กซีน-อินทิพร ชวนย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยเล่าว่าเลือกกินคลีน กินแต่ผักนึ่ง อกไก่นึ่ง กินตามตำราเป๊ะๆ เข้มงวดมาก ไม่กินน้ำตาลเลย ไม่กินไขมัน และกินแต่อาหารซ้ำๆ ทำให้ร่างกายเครียดมากจนป่วย แม้ว่าตอนนั้นเรารู้สึกว่ากินแต่ของที่เฮลท์ตี้ แต่สุดท้ายได้ไปตรวจสุขภาพแล้วพบว่าอายุร่างกายและ Growth Hormone เหมือนคนอายุ 80 ปี เรียกว่าแทบจะฟื้นฟูตัวเองไม่ได้เลย แล้วโรคภัยก็ตามมา ประจำเดือนเริ่มมาแค่ปีละครั้ง เป็นโรคสะเก็ดเงิน ลมพิษ เป็นโรคนอนไม่หลับ
ดังนั้น ถ้าให้นิยามการกินแบบกรีนกรีนในส่วนของแม็กซีน คือต้องหาความสมดุล การมีสุขภาพดีไม่มีสูตรสำเร็จ เราต้องฟังร่างกาย และร่างกายจะบอกได้ดีที่สุดว่าเราต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร คำว่าคลีนไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารที่กินเข้าไป แต่ต้องดูว่าลำไส้ ระบบขับถ่ายเราคลีนไหม ผิวเราคลีนไหม เหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าร่างกายเราสมดุลแล้ว หรือต้องปรับตรงไหนหรือไม่
ส่วนสาเหตุที่ทั้งสองสาว มาเลือกทานอาหารกรีนหรือคลีน ทั้งคู่ตอบตรงกันว่า เพราะอยากผอม อยากสวย และเชื่อว่าหลายคนก็เริ่มต้นดูแลตัวเองเพราะเรื่องนี้ แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือสัญญาณเตือนสุขภาพ โดยทั้งสองคนเริ่มพบว่าตัวเองป่วย
สำหรับนิปปอน จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการทำงาน ทำให้ไม่เคยดูแลสุขภาพ ทำงาน 7 วัน ไม่รู้จักวันหยุด ไม่รู้จักวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่สนใจการออกกำลังกายกลับบ้านก็เหนื่อย กินแล้วก็นอน จนสุดท้ายก็เริ่มป่วย เมื่อไปหาหมอก็พบว่ากำลังจะเป็นโรคร้าย ทั้งที่ร่างกายภายนอกหลายคนเห็นว่าแข็งแรงดี จึงเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ช่วงแรกก็เปลี่ยนแบบผิดๆ ทำแบบผิดๆ หาข้อมูลเยอะมากในฐานะที่เป็นนักข่าว สุดท้ายก็ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอว่าให้ทิ้งความกังวลและหันมาใส่ใจสุขภาพแบบพื้นฐาน
“กินให้ได้ นอนให้หลับ ขยับบ้างเป็นครั้งคราว... 3 เรื่องที่เราคิดว่าเบสิก แต่พอทำจริงๆ กลับยากมาก ลองถามตัวเองว่าทุกวันนี้นอนวันละกี่ชั่วโมง ตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่นทุกวันไหม กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ครบ 5 หมู่แล้วใช่ไหม ออกกำลังกายบ้างไหมคำตอบที่ได้ทำให้รู้ว่าพูดง่ายแต่ทำจริงยาก”คำแนะนำของคุณหมอที่ทำให้ผู้สื่อข่าวสาวต้องกลับมาคิดทบทวน
โดย แม็กซีน กล่าวเสริม “นอกจากจะดูแลเรื่องอาหาร เรื่องของจิตใจก็สำคัญ โดยเฉพาะความเครียดและเครียด ขยะอารมณ์ สิ่งที่แบกไว้บนบ่า ทั้งเรื่องงาน ครอบครัว บางอย่างที่เราไม่ได้ปล่อยวาง เราก็จะเก็บมาคิดและเครียด ถ้าเราไม่ดึงอารมณ์ออกมา ก็จะเก็บกดอยู่ข้างในจนสะสมเป็นขยะอารมณ์ ดังนั้น นอกจากการกินอาหารคลีนแล้ว อยากให้คำนึงถึงการคลีนเรื่องของจิตใจด้วย แค่ลองหายใจ 3 นาที สูดหายใจเข้าลึกๆ และปล่อยลมหายใจออกยาวๆ ตอนตื่นนอน หรือก่อนนอน แค่ 3 นาที แค่นี้จิตใจก็ดีขึ้นได้แบบง่ายๆ แล้ว”
สำหรับเคล็ดลับกินแบบกรีนกรีนกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ นิปปอน แชร์ไอเดีย“Overnight Oatmeal” เมนูข้าวโอ๊ตหน้าตาธรรมดาแต่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง รสชาติอร่อย กินง่าย ดีต่อลำไส้และระบบขับถ่าย ช่วยให้อิ่มท้องนาน และยังสามารถครีเอทได้ตามความชอบ เป็นการรังสรรค์อาหารมื้อเช้าแบบทำง่าย ประหยัดเวลา ตอบโจทย์คนในปัจจุบัน แถมด้วยเทคนิคการออกกำลังกายด้วยการเดินตอนเช้าก่อนกินอาหาร ช่วงนี้ร่างกายจะนำไขมันมาใช้ ได้รับพลังงานดีๆ ได้ทักทายผู้คนดีทั้งกายและใจกำไรสองต่อ
นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังแชร์การปรับการกินเพื่อเป้าหมายด้านความยั่งยืน นิปปอน บอกว่า“เรื่องของความยั่งยืน ไม่ใช่แค่ยั่งยืนเฉพาะโลกเท่านั้น แต่เราต้องรักตัวเราเองด้วย บางครั้งเลือกกิน อาหารสุขภาพ เลือกกินอาหารคลีน แต่กลับใส่มาในกล่องโฟม กล่องพลาสติก ซึ่งเราอาจจะสะสมไมโครพลาสติกหรือสารอันตรายไปโดยไม่รู้ตัว แค่ลองปรับหรือเปลี่ยนสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เราก็จะได้ผลดีกับสุขภาพตัวเราเองและเป็นผลดีกับโลกด้วย”
และถ้าเป็นไปได้อยากให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้ปุ๋ยหรือเคมีน้อยที่สุดเพื่อลดผลกระทบกับโลก รวมถึงเรื่องของบรรจุภัณฑ์ และการมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบ สั่งอาหารให้พอดี กินให้หมดจาน รวมถึงการจัดการกับเศษอาหารอย่างไร ปัจจุบัน มีเครื่องย่อยเศษอาหารที่เปลี่ยนเป็นปุ๋ยหรือสารปรุงดิน ถ้าพวกเราปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เลือกกิน เลือกใช้ เลือกวิธีกำจัดของที่เราไม่ใช้แล้ว ก็ทำให้เรามีความสุขและโลกก็ดีขึ้นไปพร้อมกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี