ปิดฉากไปแล้ว กับคดีที่สร้างความตกใจให้กับผู้คนทั่วทั้งฝรั่งเศสและทั่วโลก กับเรื่องราวของ จีเซล เปลิโคต์ สตรีฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเหยื่อของ โดมินิก เปลิโคต์ สามีของเธอเอง ที่เชื้อเชิญชายหลายสิบคนร่วมกันวางยานอนหลับเพื่อข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศ และบันทึกภาพไว้ภายในบ้านของเธอเองต่อเนื่องเป็นเวลานับสิบปี
หลังจากไต่สวนมานานราว 4 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 ธ.ค.) ศาลในเมืองอาวีญง ตัดสินจำคุก โดมินิกที่ตอนนี้เป็นอดีตสามี เป็นเวลา 20 ปีตามอัยการร้องขอโทษ ในระหว่างการไต่สวน เขาให้การรับสารภาพและได้ขอโทษต่อบาปกรรมที่ทำไว้ ส่วนจำเลยร่วมอีก 50 คน มีประวัติ ที่มา อายุและอาชีพ แตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดทำผิดลักษณะเดียวกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งทุกอย่างปรากฏในคลิปวีดีโอและภาพนิ่งหลายพันภาพที่โดมินิกบันทึกไว้เอง รวมถึงข้อความการติดต่อสื่อสารชี้ชวนของโดมินิกกับจำเลยร่วมที่มัดแน่น ทำให้ผู้พิพากษาตัดสินว่ามีความผิดฐานข่มขืน พยายามข่มขืน และล่วงละเมิดทางเพศ รับโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี จนถึง 15 ปี ทั้งหมดล้วนถูกจำคุกโดยไม่มีการยกฟ้อง จำเลยหลายคนเดินทางมายังศาลพร้อมกระเป๋าสัมภาระที่เตรียมไว้สำหรับการเข้าเรือนจำ บางคนถึงกับร้องไห้และกอดคู่ชีวิต ครอบครัวของเขาก่อนเข้าไปในห้องพิจารณาคดี ส่วน โดมินิก จะไม่มีสิทธิ์ยื่นขอทัณฑ์บนจนกว่าจะรับโทษครบ 2 ใน 3 ของระยะเวลาจำคุก
โดมินิก เปลิโคต์ อดีตสามีจีเซล เป็นอดีตช่างไฟฟ้าและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ที่คนในชุมชนมองว่า เป็นคนโอบอ้อมอารี มักเห็นเขาร่วมกิจกรรมกับลูกๆ อยู่เสมอ ไม่มีใครคิดว่าเขานำยานอนหลับผสมกับมันฝรั่งบดกาแฟ และไอศกรีม ให้ภรรยารับประทานแล้วเปิดประตูให้ชายหลายสิบคนเข้ามาข่มขืนถึงในบ้าน ยิ่งไปกว่านั้น เขาซุกซ่อนกล้องวีดีโอบันทึกภาพเปลือยของภรรยา ลูกสาว และ ภรรยาของลูกชาย แล้วนำไปเผยแพร่ออนไลน์
โดมินิกให้การต่อศาลว่า เขาเคยถามภรรยาเรื่องรสนิยมทางเพศเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนคู่นอน แต่เธอปฏิเสธ เธอไม่คิดว่าความคิดนี้จะออกมา
จากสามีที่แสนดีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเธอมานานกว่า 50 ปี และมีลูกด้วยกันถึง 3 คน เขาเป็นสามีและพ่อที่อบอุ่นมากสำหรับครอบครัว สุดท้ายโดมินิกแก้ต่างว่า มันเป็นเพียงคำถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น
แต่คำตอบของจีเซล กลับเป็นสิ่งที่กระตุ้น ประกอบกับการถูกล่วงละเมิดทางเพศของโดมินิกในวัยหนุ่ม จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจกับอดีตภรรยา
ระหว่างปี 2554-2563 โดมินิกได้วางยาจีเซล ที่ปัจจุบันอายุ 72 ปีเท่ากัน ด้วยยากล่อมประสาทและยานอนหลับ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ส่งผลให้เธอหมดสติและสูญเสียความทรงจำ จากนั้น โดมินิกได้ใช้เว็บไซต์หนึ่งชักชวนชายแปลกหน้าจากพื้นที่ใกล้เคียง ที่ส่วนใหญ่มาจากเมืองและหมู่บ้านในรัศมี 50 กิโลเมตรจากหมู่บ้านมาซองของครอบครัวเปลิโกต์ให้มาร่วมข่มขืนภรรยาของตัวเองภายในบ้านของพวกเขา ผู้ชายเหล่านี้มีทั้งคนหนุ่ม คนชรา อายุตั้งแต่ 26-74 ปีอาชีพหลากหลาย นักดับเพลิง คนขับรถบรรทุก พนักงานส่งของ ทหาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พัศดี ผู้สื่อข่าว และดีเจ
อัยการได้ทำสำนวนจำแนกการกระทำของจำเลยแต่ละคน จำนวนครั้งที่มีพฤติกรรมลวนลาม ล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่และลักษณะใด จำเลยคนหนึ่งชื่อ โรแม็ง วี วัย 63 ปี เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีข่มขืนจีเซล ถึง 6 ครั้ง โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน ในขณะที่รู้ว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวีโชคดีที่เขาพ้นสภาวะการแพร่เชื้อ
การกระทำของ โดมินิก ปิดฉากลงเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในซูเปอร์มาร์เก็ตจับกุมเขาขณะกำลังถ่ายภาพใต้กระโปรงผู้หญิงคนอื่น ต่อมา ตำรวจจึงค้นพบพฤติกรรมที่เลวร้ายนี้ ผ่านคลิปวีดีโอจำนวนมากที่เก็บไว้ในบ้าน ซึ่งเป็นคลิปที่เขาแอบถ่ายมาตลอดเวลานานนับทศวรรษที่กระทำผิดต่อภรรยาของเขา
ขณะที่ผู้ร่วมกระทำอีกหลายคน ปฏิเสธข้อหา โดยบอกว่า พวกเขาไม่เชื่อว่าจีเซลจะถูกวางยา เธออาจแกล้งทำเป็นนอนหลับเพราะขี้อาย นี่คือหนึ่งในขบวนการของครอบครัวนี้ ผู้ต้องหาให้การต่อศาลเพิ่มเติมว่า เขาก็ถูกวางยาเหมือนกับจีเซลเช่นกัน เมื่อไปถึงบ้านเปลิโคต์ เขาถูกบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มบางอย่าง และทำให้เขาไม่รู้ตัว ในขณะที่อีกหลายคนบอกว่า ถ้ารู้ว่ามีการตั้งกล้องแอบถ่าย พวกเขาจะปฏิเสธอย่างแน่นอน
ความกล้าหาญของวีรสตรีที่ชื่อ จีเซล เปลิโคต์
จีเซล ได้รับการชื่นชมจนกลายเป็นหนี่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของสื่อหลายสำนัก ในคดีข่มขืนที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส อันที่จริง จีเซลสามารถที่จะร้องขอให้การพิจารณาคดีแบบปิดได้เพื่อไม่ให้เรื่องราวกระจายออกไป แต่เธอกลับเรียกร้องให้เปิดเผยทุกอย่างต่อสาธารณชน ด้วยความหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือสตรีคนอื่นๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อให้เปิดโปงความเลวร้ายออกมาด้วย การเป็นเหยื่อไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย คนทำผิดต่างหากที่สมควรละอาย
จีเซล เข้าร่วมการพิจารณาคดีเกือบทุกวัน เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “อยากให้ผู้หญิงทุกคนที่เคยถูกข่มขืนคิดว่า ถ้ามาดามเปลิโกต์ทำได้ พวกคุณก็ย่อมทำได้”
จีเซลยื่นฟ้องคดีนี้มานานกว่า 2 ปีทนายความของเธอเล่าว่า เป็นคนแนะนำให้ลูกความของเขาลองถอดแว่นกันแดดออกขณะที่เดินทางไปศาล เพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ และการพยายามยอมรับ กล้าเปิดเผยความจริงเพื่อสื่อให้สังคมฝรั่งเศสได้เห็นว่า ความอับอายไม่ควรอยู่ข้างเธอ แต่ต้องไปอยู่กับฝั่งของผู้ก่อเหตุทั้งหมด
หลังคำพิพากษาของศาล จีเซลให้สัมภาษณ์กับสื่อทั่วโลกว่า เธอเคารพคำตัดสินของศาล พร้อมกับกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุน ทั้งองค์กรสิทธิสตรีต่างๆ นักข่าว ทนายความ โดยบอกว่าคำพูดของพวกเขาทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งและทำให้เธอมีกำลังใจที่จะเข้าร่วมการพิจารณาคดีทุกวัน พร้อมกับยืนยันว่า เธอไม่เคยรู้สึกเสียใจที่เปิดเผยตัวตนสู่การพิจารณาคดีเพื่อให้สังคมได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
คดีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากทั้งในประเทศและทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากการกล้าเปิดเผยตัวตนของ จีเซล ในการพิจารณาคดี กลุ่มเคลื่อนไหวทางสังคมอย่าง Dare to be Feminist ระบุว่า จีเซลไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่การกระทำอันกล้าหาญของเธอ เป็นการเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มีต่อความรุนแรงทางเพศ ผู้ที่สนับสนุนเธอรวมตัวกันนอกศาลพร้อมป้ายและคำขวัญว่า “ความอับอายได้เปลี่ยนข้างแล้ว”
เรื่องราวในคดีนี้ แม้จะฟังดูโหดร้ายและหดหู่ แต่อย่างน้อย มันก็ยังแสดงให้เห็นความกล้าของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กล้าเปิดหน้าตีแผ่เรื่องราวเลวร้ายหวังให้เป็นบทเรียนแก่คนอื่นๆ อีกทั้งยังปลุกกระแสการชำระล้างทางศีลธรรม รวมไปถึงการปรับปรุงตัวบทกฎหมายของประเทศต่างๆ ให้เท่าทันสังคมมนุษย์ที่เสื่อมโทรมและซับซ้อน
โดย ดาโน โทนาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี