สมศ. เน้นย้ำการประเมินคุณภาพภายนอก ปี 67-71 ลดวันประเมิน On site ขยายสู่รูปแบบออนไลน์ สร้างมาตรฐานในการแข่งขันระดับอาเซียน
“ศาสตราจารย์ ดร.องอาจ นัยพัฒน์” ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา หรือ สมศ. ตามคำสั่งคณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ที่ 3/2568 โดยเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
ศาสตราจารย์ ดร.องอาจ นัยพัฒน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก (Ph.D.: Educational Administration with a Concentration in Research and Evaluation): Illinois State University (ISU), ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการวิจัยและการประเมินคุณภาพการศึกษา เคยดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ (อนุสาขาการวิจัยการศึกษา) สังกัดภาควิชาการวัดผลและวิจัยการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ดำรงตำแหน่งรองประธาน (คนที่ 1) คณะอนุกรรมการการบริหารโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น สำนักงานปลัดกระทรวง
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (พ.ศ. 2559 – 2568) อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.วิสามัญ) เกี่ยวกับการสรรหาและเลือกสรรทรัพยากรบุคคลของราชการ สำนักงาน ก.พ. (พ.ศ. 2560 – 2563) อนุกรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิ) ด้านประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (พ.ศ. 2565 – 2568) และอุปนายก (คนที่ 1) สมาคมวิจัยและพัฒนาอุดมศึกษา (พ.ศ. 2565 – 2568)
หลังจากเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ศาสตราจารย์ ดร.องอาจ ได้เร่งขับเคลื่อนบทบาท และหน้าที่ของ สมศ. ในทันที โดยภารกิจลำดับต้น ๆ คือการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) กรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษาที่จัดการเรียนรู้ในสังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) โดยผู้อำนวยการ สมศ. ได้เน้นย้ำเรื่อง "แนวคิดและทิศทางการประกันคุณภาพภายนอก" ว่า การประกันคุณภาพภายนอกไม่ใช่เป็น "การตรวจสอบ" แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณภาพการศึกษาของไทยเผชิญกับความท้าทายทั้งจากความแตกต่างของบริบทในเมืองและชนบท รวมถึงการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
หลักการสำคัญของ (ร่าง) กรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกที่จะนำมาใช้ในสถานศึกษาสังกัด สกร. มีเป้าหมายหลักคือ "การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement)" มากกว่าการมุ่งเน้นเพียงการตรวจสอบและให้คะแนน หนึ่งในข้อสังเกตสำคัญของระบบการประกันคุณภาพในอดีตคือการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานและตัวชี้วัดบ่อยครั้ง ซึ่งสร้างภาระให้สถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา
ทั้งนี้การประเมินคุณภาพภายนอกปี 2567- 2571 สมศ. จึงมุ่งพัฒนาเกณฑ์การประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษาที่สอดคล้องกับเกณฑ์การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ปรับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจาก Paper-based สู่ Digital-based รวมถึงปฏิรูปการตรวจเยี่ยมสถานศึกษา โดยลดทอนจำนวนวันในการประเมินเหลือเพียง 1-2 วัน ตามบริบทของสถานศึกษา
พร้อมนำรูปแบบการประเมินแบบ Virtual Visit (การประเมิน Online) เพื่อลดภาระของสถานศึกษาในการจัดเตรียมเอกสารและการต้อนรับต่างๆ ถือเป็นการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการประกันคุณภาพให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างยั่งยืน โดยการประกันคุณภาพภายนอกจะเป็นหลักประกันให้ผู้เรียนและสังคมมีความมั่นใจว่าจะได้รับบริการจากสถานศึกษาที่ได้มาตรฐาน และเป็นการช่วยให้สถานศึกษามีการพัฒนาคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณภาพการศึกษาของไทยเผชิญกับความท้าทายทั้งจากความแตกต่างของบริบทในเมืองและชนบท รวมถึงการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน" ศ.ดร.องอาจ กล่าว
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี