กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จับมือ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ร่วมกันวิจัยพัฒนางานด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.สาโรชรุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา ระหว่าง สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในการดำเนินงานด้านการศึกษาวิจัยและบริการวิชาการ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข อาหาร การชันสูตรโรค การวิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ยา ชีววัตถุ สมุนไพร และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยมีคณะผู้บริหาร ทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 110 ชั้น 1 อาคาร 100 ปี การสาธารณสุขไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีภารกิจในการศึกษาวิจัย พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ประเมินความเสี่ยงและแจ้งเตือนภัยสุขภาพแก่ประชาชน นอกจากนี้มีหน้าที่ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหาร ยา ชีววัตถุ สมุนไพร และการขันสูตรโรค ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของสถาบันวิจัยแสงชินโครตรอน (องค์การมหาชน) ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพเครื่องกำเนิดแสงชินโครตรอน เพื่อประยุกต์ใช้ในการผลักดันงานวิจัยของประเทศให้ได้ผลงานอย่างเป็นรูปธรรมทั้งทางด้านสังคมและด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะเทคโนโลยีแสงชินโครตรอน สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการและมีความแม่นยำสูง ดังนั้นภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนานี้ จะทำให้เกิดเป็นความร่วมมือในการสร้างสรรค์งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดประตูงานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้มาเจอกับเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน พร้อมทั้งยังเป็นการขยายฐานงานวิจัยของทั้งสองหน่วยงานให้ครอบคลุมในทุกมิติ รวมทั้งมีความร่วมมือด้านพัฒนากำลังคน ทั้งด้านการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาการ และสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับการวิจัย นอกจากนี้ ยังมีแผนการดำเนินการภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือในงานวิจัยและพัฒนาอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการวิจัยกลไกการออกฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพรที่มีศักยภาพ โครงการตรวจวิเคราะห์บริมาณไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหาร โครงการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์สู่ชุมชม โครงการพัฒนามาตรฐานห้องปฏิบัติการในการตรวจวิเคราะห์ ภายใต้ ISO/IEC 17025:2017 เป็นต้น
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.สาโรชรุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) มีพันธกิจในด้านการวิจัย ให้บริการ ส่งเสริมและถ่ายทอดการเรียนรู้เทคโนโลยีแสงซินโครตรอน และการใช้ประโยชน์ นำไปสู่การยกระดับพัฒนางานวิจัย และสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสถาบัน ให้ความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือทางวิชาการมาอย่างต่อเนื่องและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ในการส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสนับสนุนการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนบุคลากร การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับงานวิจัย เพื่อผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ไปสู่การใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโนบาย เชิงสาธารณะ และเชิงพาณิชย์ของประเทศไทยในอนาคตต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี