หลายคนน่าจะรับรู้ได้ว่าช่วงนี้อากาศร้อนมาก ร้อนชนิดที่หลายคนบอกเหมือนซ้อมตกนรก เพราะความร้อนระดับนี้ ขนาดคนสุขภาพดียังอยู่กลางแจ้งนานๆ ไม่ไหว แล้วยิ่งคนมีโรคประจำตัว กับเด็กหรือคนแก่ ก็จะเสี่ยงกับการเจ็บป่วยได้ สัปดาห์นี้เราจึงมาบอกเคล็ดลับการอยู่ให้รอดปลอดภัยในสภาพอากาศร้อนระอุเช่นที่พบเจอกันทุกวันนี้
โรคที่มากับอากาศร้อน ได้แก่ ภาวะขาดน้ำ โรคลมแดด อาการอ่อนเพลีย ดังนั้น ขั้นตอนแรกที่ง่ายที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในเวลาอากาศร้อนจัด หากมีธุระปะปังใดๆ ที่ต้องทำกลางแจ้ง แล้วสามารถปรับเปลี่ยนเวลาได้ ก็ต้องเปลี่ยนทันที หรือหากรอไปทำในตอนเย็นที่อากาศเย็นลงก็ควรเปลี่ยนไปทำช่วงนั้น แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องสวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย และสวมหมวกหรือร่มกันแดด สวมแว่นกันแดดด้วย แล้วหยุดพักงานทุกๆ 30 นาที ในกรณีทำงานกลางแจ้ง รวมถึงหาตัวช่วยลดความร้อน เช่น พัดลม ผ้าเย็น ไว้คอยประคบคอหรือข้อพับต่างๆ
และต้องการเตรียมร่างกายให้ดี โดยพยายามดื่มน้ำ 1-2 แก้วทุกชั่วโมง แม้จะไม่กระหายก็ตาม แล้วอย่าดื่มแอลกอฮอล์หรือกาเฟอีนมากเกินไป เพราะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แต่หากเสียเหงื่อมากๆ น้ำอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ อาจต้องเสริม
เกลือแร่ด้วย เครื่องดื่มเกลือแร่สูตรสำหรับชดเชยการเสียเหงื่อจากการออกกำลังกายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่สำหรับกรณีท้องเสียทดแทนได้ และที่สำคัญเวลากระหายน้ำ เราอาจจะอยากดื่มน้ำอัดลมหรืออะไรหวานๆ แต่แนะนำว่าขอให้อดทนไว้ เพราะการดื่มน้ำหวานหรือน้ำอัดลมจะทำให้เรากระหายน้ำมากขึ้น
โดยสรุป ถ้าเลี่ยงการทำงานกลางแจ้งได้ ก็เลี่ยงเถอะโดยเฉพาะช่วงที่ต้องเลี่ยงมากที่สุดคือช่วง 10.00-15.00 น.แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็เตรียมร่างกายให้พร้อม แต่งกายให้เหมาะสมรัดกุม สวมหมวกและกางร่ม พกพัดลมและผ้าเย็น
พกน้ำดื่มสะอาดไว้ดื่มตลอดเวลา ถ้าเสียเหงื่อมากต้องปรับเป็นน้ำเกลือแร่ อย่าดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน น้ำหวานน้ำอัดลม
หลายคนอาจเคยได้ยินว่าคนเราต้องดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้วซึ่งมาตรฐานของ 1 แก้ว คือ 200-250 มิลลิลิตร ดังนั้น 8 แก้วคือ 1,600-2,000 มิลลิลิตรนั่นเอง แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ความต้องการน้ำมากขึ้น เช่น กรณีอากาศร้อน หรือออกกำลังกายทำให้เสียเหงื่อมาก อาจต้องเพิ่มน้ำอีก 0.5-1 ลิตรต่อวัน ส่วนผู้ป่วยท้องเสียหรือมีไข้สูงก็ต้องการน้ำมากขึ้นเช่นกัน
การสังเกตว่าน้ำที่รับเข้าไปในร่างกายไม่เพียงพอ ดูได้จากสีปัสสาวะ ถ้าสีเข้มกว่าปกติ ก็อาจแสดงว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ ในเด็กอาจสังเกตจากการร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา หรือดูจากปากแห้งร่วมด้วยก็ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรดื่มน้ำมากกว่า 3-4 ลิตร ในระยะสั้นๆ เนื่องจากทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้ รวมถึงผู้ป่วยโรคที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำ เช่น โรคหัวใจ หรือโรคไต และขอบอกว่าปริมาณน้ำที่ต้องการต่อวันของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ต้องปรึกษาแพทย์เป็นรายๆ ไป
สำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังอาจจะได้รับยาที่มีผลต่อปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย เช่น ยาขับปัสสาวะ ซึ่งใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต เป็นต้น
นอกจากขับน้ำแล้ว ยาอาจจะมีผลทำให้เกลือแร่บางตัวต่ำลง เช่น โพแทสเซียม ซึ่งถ้าเสียเกลือแร่นี้ไปมาก อาจมีผลต่อการทำงานของหัวใจ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในผู้ป่วยกลุ่มนี้
ยาอีกกลุ่มที่ทำให้เสียน้ำจากร่างกาย คือ ยาระบายโดยเฉพาะกลุ่มกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เช่น ยาระบายมะขามแขก จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง หากใช้แล้วมีอาการระบายมากเกินไป อาการคล้ายท้องเสีย ควรดื่มน้ำ
และเกลือแร่เสริม
เมื่อมียาที่ทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกายแล้ว ยาที่ให้ผลตรงข้ามก็มีด้วย เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาบรรเทาปวดลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือ NSAIDs ยาคุมกำเนิดบางตัว ก็ทำให้บวมน้ำหรือมีภาวะโซเดียมคั่งได้ ก่อนใช้ยาเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน รวมถึง เมื่อใช้แล้วรู้สึกขาบวม กดหน้าแข้งแล้วมีรอยบุ๋มอยู่นาน หรือรู้สึกตัวบวม
หากมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบไปพบแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อหาสาเหตุ หากเกิดจากยา แพทย์จะพิจารณาสั่งให้หยุด เปลี่ยน หรือปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
แม้ว่าเราจะเปลี่ยนความจริงเรื่องเมืองไทยเป็นเมืองร้อนมากๆ ไม่ได้ แต่เราสามารถปรับพฤติกรรมของเราให้อยู่ในเมืองร้อน โดยเฉพาะในฤดูร้อนให้มีความสุขได้
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี