8 พ.ค.2568 ควันขาวลอยขึ้นจากโบสถ์น้อยซิสทีน ประกาศการเลือกพระคาร์ดินัล โรเบิร์ต เพรโวสต์ (Robert Prevost) จากสหรัฐฯ วัย 69 ปี ได้รับเลือกเป็นผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิกองค์ที่ 267 ในชื่อ โป๊ปเลโอที่ 14 กลายเป็นโป๊ปชาวอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ แต่ก็มีสัญชาติเปรูด้วย เพราะเคยไปรับตำแหน่งตั้งแต่เป็นมิชชันารี เป็นบิชอป และอาร์คบิชอปอยู่ที่เปรูนานมากกว่า 10 ปี
พระคาร์ดินัล โรเบิร์ค เพรโวสต์ เกิดเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2498 ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐฯ ในครอบครัวชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี เขาเข้าร่วมคณะเยซูอิต (Jesuit) ในปี 2521 และได้รับการบวชเป็นบาทหลวงในปี 2528 Prevost มีประสบการณ์ทำงานในหลากหลายบทบาททั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ โดยเฉพาะในเปรู ซึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งอธิการคณะเยซูอิตในภูมิภาคนั้นระหว่างปี 2542-2547
ในปี 2557 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นบิชอปแห่งเขตศาสนปกครองชิคยากาเมกาในเปรู และในปี 2564 พระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าสมณกระทรวงเพื่อบิชอป (Dicastery for Bishops) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการคัดเลือกบิชอปทั่วโลก ตำแหน่งนี้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลสูงในวาติกันก่อนการเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปา
พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ถูกมองว่าเป็นนักบวชสายกลางที่มีแนวคิดใกล้เคียงกับพระสันตะปาปาฟรานซิส พระองค์ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ถูกกีดกันในสังคม เช่น ผู้อพยพและผู้ยากไร้ ซึ่งสอดคล้องกับฉายา Pope of the Poor ที่โป๊ปฟรานซิสได้รับ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก New York Times ระบุว่า พระองค์ยังคงยึดมั่นในหลักคำสอนดั้งเดิมของคริสตจักร เช่น การคัดค้านการบวชสตรีเป็นมัคนายก และการไม่รับรองการสมรสเพศเดียวกันในพิธีกรรมทางศาสนา
ระหว่างที่ดํารงตําแหน่งบิชอป พระองค์ยังคัดค้านความคิดริเริ่มของรัฐบาลในการสอนประเด็นเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศในโรงเรียน โดยบอกกับสํานักข่าวท้องถิ่นว่าเป็นการพยายามสร้างเพศที่ไม่มีอยู่จริง จึงต้องติดตามว่า บทบาทของพระสันตะปาปาองค์ใหม่ และท่าทีต่อกลุ่ม LGBTQ+ ในยุคที่เสรีนี้จะเป็นอย่างไร ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดที่แตกต่างที่สุดระหว่างโป๊ปเลโอที่ 14 กับโป๊ปฟรานซิส เพราะโป๊ปฟรานซิสเปิดกว้างต่อแนวความคิดให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้
ในส่วนของผู้อพยพ ดูเหมือนว่าจุดยืนของโป๊ปเลโอที่ 14 เกี่ยวกับผู้อพยพสอดคล้องกับจุดยืนของโป๊ปฟรานซิส โดยจากการสัมภาษณ์ของกลุ่มผู้ประสานงานของกลุ่มคาทอลิกเปรู ที่พระองค์เคยเป็นนักบวชอยู่เล่าว่า พระองค์มักแสดงความห่วงใยต่อผู้อพยพชาวเวเนซุเอลาในเปรูมาโดยตลอด ซึ่งเปรูเป็นประเทศที่มีชาวเวเนซุเอลาอพยพมากว่า 1.5 ล้านคน และถือว่ามากที่สุดในโลก ขณะที่ก่อนหน้านี้ โป๊ปองค์ใหม่ได้พูดออกมาผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อต่อต้านนโยบายการย้ายถิ่นฐานของฝ่ายบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ใน X โดยการแชร์บทความที่มีชื่อว่า "ทําไม วาทศาสตร์ต่อต้านผู้อพยพของ โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงมีปัญหา" และ "เจดี แวนซ์ ผิด: พระเยซูไม่ได้ขอให้เราจัดอันดับความรักของเราต่อผู้อื่น"
ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในโลกที่เคร่งเครียด ทั้งสงครามยูเครน กาซา และซูดาน คริสตจักรคาทอลิกมักมีบทบาทสำคัญที่จะไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง และเป็นศูนย์รวมจิตใจในประเด็นเหล่านี้ โดยที่ผ่านมาโป๊ปฟราสซิสเองก็มักออกมาเรียกร้องสันติภาพให้ชาวปาเลสไตน์ในกาซา และอธิษฐานให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม
ในแถลงการณ์แรกหลังได้รับเลือก พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงตรัสว่า "ข้าพเจ้าขออุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้าและพี่น้องทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยากและถูกละเลย ขอให้คริสตจักรของเราเป็นแสงสว่างแห่งความหวังในโลกที่แตกแยก คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำคริสตจักรให้เป็นศูนย์กลางของความเมตตาและความยุติธรรม"
นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงประสบการณ์ของพระองค์จากการบริหาร Roman Curia ซึ่งเป็นองค์กรปกครองของวาติกัน และการเคยเป็นตัวกลางผู้ผสานรอยร้าวระหว่างบิช็อปสายอนุรักษ์นิยม และสายก้าวหน้าในเปรูที่แตกแยกกัน จึงทำให้มีการคาดหวังบทบาทของพระองค์ในการเป็ฯสะพานช่วยลดความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ความท้าทายในตำแหน่งผู้นำแห่งคาทอลิก
บทวิเคราะห์ในเว็บไซต์ของ CBS News ระบุว่า การขึ้นเป็นพระสันตะปาปาของเลโอที่ 14 เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายมากมายของคริสตจักรคาทอลิก รวมถึงการลดลงของจำนวนสมาชิกในยุโรปและอเมริกาเหนือ การถกเถียงเรื่องการปฏิรูปศาสนจักร เช่น สิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ และบทบาทของสตรีในคริสตจักร รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมและกลุ่มก้าวหน้าในวาติกัน นอกจากนี้ การเป็นชาวอเมริกันอาจทำให้พระสันตะปาปาองค์ที่ 267 ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านภาพลักษณ์ในบางภูมิภาคที่มองสหรัฐฯ ในแง่ลบ
การเลือกพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ได้รับการจับตาจากสื่อและชุมชนคาทอลิกทั่วโลก บางส่วนมองว่าเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนความหลากหลายของคริสตจักร ขณะที่บางกลุ่มในฝั่งอนุรักษ์นิยมแสดงความกังวลต่อแนวคิดสายกลางของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการบริหารและประสบการณ์ในระดับนานาชาติของพระองค์ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า พระองค์จะสามารถนำคริสตจักรผ่านช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงได้
ในฐานะพระสันตะปาปาองค์แรกจากสหรัฐอเมริกา พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 มีโอกาสสร้างมรดกที่ยิ่งใหญ่ให้กับคริสตจักรคาทอลิก ด้วยการสานต่อนโยบายของ พระสันตะปาปาฟรานซิสและปรับให้เข้ากับบริบทโลกสมัยใหม่ การเลือกพระนาม ‘เลโอที่ 14’ สะท้อนถึงความเคารพต่อสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ผู้เคยนำคริสตจักรผ่านความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 19 และอาจเป็นสัญญาณถึงวิสัยทัศน์ในการปฏิรูปอย่างสมดุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี