อีกก้าวสำคัญของการสร้างเครือข่ายสุขภาพระดับนานาชาติ นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ คุณหมอแอมป์ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้รับเกียรติจาก สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย นำทีมประเทศไทยถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพองค์รวมด้วยศาสตร์ Scientific Wellness เข้าร่วมบรรยายในงานสัมมนาวิชาการภายใต้หัวข้อ “Wellness Hub Thailand: The Future of Global Wellness”
งานสัมมนาดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับชาติ Saudi Vision 2030 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสุขภาพและคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งชูแนวคิด Wellness Hub Thailand ดัน Soft Power ด้านสุขภาพของประเทศไทยสู่เวทีโลก โดยมี ฯพณฯ นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และแขกผู้มีเกียรติจากประเทศซาอุดีอาระเบียจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วมงาน สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมกันในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างประเทศไทยและประเทศซาอุดีอาระเบีย
นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ คุณหมอแอมป์
การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการต่อยอดความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยมีจุดร่วมที่สอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ “Saudi Vision 2030” ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยหนึ่งความมุ่งมั่นของประเทศซาอุดีอาระเบีย ภายใต้ Saudi Vision 2030 คือการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมบริการสุขภาพ รวมถึง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) โดยการนำเสนอแนวคิด Wellness Hub Thailand ไม่เพียงสะท้อนศักยภาพของประเทศไทยด้านโอกาสในการขึ้นเป็นผู้นำด้านการเป็นหมุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงนโยบายด้านสุขภาพของไทยและซาอุดีอาระเบียเข้าด้วยกันอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือทางวิชาการ และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสุขภาพร่วมกัน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น Wellness Destination of the World หรือสถานที่ ๆ สามารถมอบสุขภาพที่ดีให้กับประชาคมโลก ขณะเดียวกันก็สนับสนุนเป้าหมายของซาอุดีอาระเบียในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพให้กับผู้คนในประเทศอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความก้าวหน้าทางการแพทย์และเทคโนโลยีสุขภาพตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและยืดอายุขัยของมนุษย์อย่างชัดเจน โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO – World Health Organization) ระบุว่า ระหว่างปี พ.ศ. 2543 ถึง พ.ศ. 2562 อายุขัยเฉลี่ย (Lifespan) ของประชากรโลกเพิ่มขึ้นจาก 66.8 ปี เป็น 73.4 ปี หรือเพิ่มขึ้นถึง 6.6 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าในการรักษาโรคและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีขึ้นในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม “ช่วงชีวิตที่มีสุขภาพดี” หรือ Health Span ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพโดยไม่เจ็บป่วยหรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน โดยค่าเฉลี่ยของ Health Span ทั่วโลกอยู่ที่เพียง 63.7 ปีเท่านั้น หมายความว่ามีประชากรจำนวนมากต้องใช้ชีวิตในช่วงท้ายของอายุขัยกว่าหนึ่งทศวรรษภายใต้ภาวะเจ็บป่วยหรือเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพเรื้อรัง
หนึ่งในสาเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพในยุคปัจจุบัน คือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Diseases) ซึ่งมักเกิดควบคู่ไปกับกระบวนการชราภาพของร่างกาย สถานการณ์นี้สอดคล้องกับแนวโน้มของโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” อย่างเต็มรูปแบบ และโรค NCDs ได้กลายเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วโลก โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกในปี 2022 ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทั่วโลกกว่า 45 ล้านคน สะท้อนถึงความท้าทายทางสุขภาพที่ทุกประเทศกำลังเผชิญ เช่นเดียวกับประเทศ
“นอกจากนี้ หนึ่งในประเด็นที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทสุขภาพของประเทศซาอุดีอาระเบีย คือปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน โดยในปี 2022 ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกเผยว่า ประชากรชาวซาอุฯ กว่า 73% หรือประมาณ 25,016,370 คน กำลังเผชิญกับภาวะดังกล่าว โดยภาวะโรคอ้วนสัมพันธ์โดยตรงกับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายชนิด และเพิ่มโอกาสของการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต โดยเฉพาะในช่วงที่โลกของเราต้องเผชิญกับวิกฤตสุขภาพ เช่น การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งข้อมูลวิจัยพบว่า ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2 เท่า ผู้ป่วยโรคหัวใจหรือเบาหวานมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 3 เท่า ผู้ที่เคยมีโรคหลอดเลือดสมองมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ในขณะที่ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงกว่าคนทั่วไปถึง 7 เท่าด้วยกัน” นายแพทย์ตนุพล กล่าว
ด้วยวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของนายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ คุณหมอแอมป์ ในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น “Wellness Destination of the World” หรือหมุดหมายปลายทางด้านการมีสุขภาพดีของผู้คนทั่วโลก จึงได้เดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) ภายใต้ศาสตร์แห่ง Scientific Wellness พร้อมทั้งผลักดันศักยภาพของประเทศไทยในฐานะ “Wellness Hub” ที่สามารถรองรับผู้คนจากทั่วโลกในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพ โดยการเดินทางไปเยือน ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ที่จะช่วยขยายเครือข่ายด้านสุขภาพ และโอกาสของประเทศไทย สู่การเป็น Wellness Hub ระดับโลก
ในด้านสุขภาพ ประเทศไทยนั้นมีความโดดเด่นในระดับนานาชาติ ด้วยภูมิปัญญาไทยดั้งเดิมอย่างสมุนไพรไทย และ การแพทย์แผนไทย ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการส่งเสริมสุขภาพ และฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และส่งเสริมต่อยอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การนวดแผนไทย” และ อุตสาหกรรม “สปาไทย” ที่ได้กลายมาเป็นจุดเด่น ด้วยการผสมผสานระหว่างศาสตร์การบำบัดแบบโบราณและประสบการณ์การผ่อนคลายของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ภายใต้มาตรฐานการบริการในระดับมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยและการมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในการให้บริการด้านสุขภาพในระดับที่ยอดเยี่ยม การที่ประเทศไทยสามารถบูรณาการความเป็นเลิศทั้งด้านการท่องเที่ยว ธรรมชาติ วัฒนธรรม และการดูแลสุขภาพเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์นี้ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายและจิตใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นจึงทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็น Wellness Hub ระดับโลก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้มาเยือน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในด้านการดูแลสุขภาพและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนและสามารถมอบสุขภาพที่ดีให้กับผู้คนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี