ใน Goulandris Museum Athens นั้นไม่เพียงมีผลงานของ Picasso ซึ่งเป็นบิดาของแนวทางศิลปะแบบ Cubism อยู่หลายภาพเท่านั้น ที่นี่ยังมีผลงานแนวนี้ของศิลปินอีกหลายคนด้วย อาทิ George Braque จิตกรชาวฝรั่งเศสผู้ร่วมก่อตั้งศิลปะแนว Cubism เขาเกิดวันที่ 13 พฤษภาคม 1882 ที่ Argenteuil แต่เติบโตที่ Le Havre โดยได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักตกแต่งและช่างสีจากบิดา อย่างไรก็ดี ความที่เขามีแววจะเป็นศิลปิน บิดาจึงให้เขาเข้าเรียนที่ Ecole Superierure d’art et design Le Havre-Rouen ก่อนจะไปฝึกงานที่ปารีสจนได้ใบรับรองในปี 1902 ผลงานของเขาระหว่างปี 1908-12 เน้นไปที่เหลี่ยมมุมแบบรูปทรงเรขาคณิตและรูปด้านอันเป็นผลจากแสงแทนที่จะวาดให้เหมือนจริงตามอย่างที่ตาเห็น นับจากปี 1909 เขาเริ่มทำงานใกล้ชิดกับ Picasso โดยพัฒนารูปแบบ Cubism แบบง่าย ๆ ที่เรียกว่า Proto-Cubist style ซึ่งได้รับอิทธิพลจากงานของ Gauguin และ Cezanne
วันที่ 25 มีนาคม 1909 Louis Vauxcells นักวิพากษ์ศิลป์ชาวฝรั่งเศสได้ใช้คำว่า Bizarreries cubiques ขึ้นครั้งแรกเพื่อบรรยายถึงผลงานของ Braque ที่จัดแสดงใน Salon des Independants อันถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Cubism แต่ทั้ง Picasso และ Braque ยังไม่ใช้คำนี้จัดหมวดหมู่ผลงานของตัวเอง อย่างไรก็ดี ทั้งสองยังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดด้วยแนวทางศิลปะแบบ Cubism จวบจนกระทั่ง Braque ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นตาบอดกลับมา กว่าเขาจะกลับมารังสรรค์งานได้อีกก็ปาเข้าไปปลายปี 1916 แล้ว แต่เขากลับต้องทำงานคนเดียวและย้ายไปอยู่แถว Normandy ซึ่งที่นี่ได้กลายเป็นทิวทัศน์ที่เขารังสรรค์งาน Still life ไว้เป็นจำนวนมาก นับจากนั้นมา เขาก็สร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง
ผลงาน Patience ซึ่งถูกรังสรรค์ในปี 1942 ที่มิวเซียมครอบครองชิ้นนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ Braque ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นักท่องเที่ยวจะเห็นว่า เขารังสรรค์ผู้หญิงนั่งในห้องแคบ ๆ มืดทึบ ยุ่งเหยิง กำลังถอดไพ่บนโต๊ะยาว ๆ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายกับเกมที่ต้องอดทนสะท้อนให้เห็นถึงความอึดอัดของสงคราม เขาเขียนหน้าของผู้หญิงและเก้าอี้เป็น 3 มิติในลักษณะที่แปลกเฉกเช่นเดียวกันกับ Picasso แต่กลับมีอัตลักษณ์ของตัวเองอย่างเด่นชัด
นอกจาก Braque แล้ว ที่นี่ยังมีผลงานของ Paul Klee ศิลปินแนว Expressionism, Cubism และ Surrealism ชาวสวิสเยอรมันด้วย เขาเกิดที่สวิสโดยเป็นบุตรคนี่สองของครูสอนดนตรีชาวเยอรมันที่ชื่อ Hans Wilhelm Klee กับมารดาที่เป็นนักร้องชาวสวิสที่ชื่อ Ida Marie Klee เขาเป็นเด็กที่มีแววทางดนตรีมาก และได้รับเชิญให้เข้าเป็นสมาชิกสมาคมดนตรีกรุง Bern ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 11 ปี ในวัยเด็ก เขาจึงเดินตามรอยบิดามารดาด้วยการพยายามเป็นนักดนตรี เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เขากลับรู้สึกเบื่อหน่ายดนตรี และอยากทำอย่างอื่นที่ท้าทายกว่าจึงหันมาสนใจงานศิลปะ เขาเริ่มเขียนแบบร่างลงในสมุดบันทึก แม้บิดามารดาของเขาจะลังเลที่จะให้บุตรชายเรียนศิลปะ แต่ในที่สุดก็ยอมให้เขาเข้าเรียนที่ Academy of Fine Arts ในเมืองมิวนิค เยอรมัน แต่เขากลับไม่ตั้งใจเรียน และให้ความสนใจแต่กับการใช้ชีวิตตามผับ และมีความสัมพันธ์กับนางแบบจนมีบุตรนอกสมรส 1 คนในปี 1900 อย่างไรก็ดี เขาก็สามารถจบการศึกษาได้ และเดินทางไปท่องเที่ยวในอิตาลีเพื่อศึกษาผลงานศิลปะ แต่กลับไม่สามารถเรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือได้รับแรงบันดาลใจอะไรเลย ในที่สุด เขาก็กลับมาอยู่กับบิดามารดาที่สวิส ในปี 1905 เขาเริ่มพัฒนาเทคนิคใหม่ด้วยการใช้เข็มเขียนบนแก้วจนสร้างสรรค์ผลงานออกมาจำนวนมากถึง 57 ชิ้น และสามารถจัดนิทรรศการผลงานเดี่ยวของตัวเองได้
Dynamics of a Head ที่จัดแสดงในมิวเซียมนี้เป็นผลงานที่ศิลปินรังสรรค์ได้อย่างน่าตื่นตื่นใจ หากนักท่องเที่ยวดูภาพโดยไม่ทราบชื่อคงเดาได้ไม่ง่ายว่าเป็นหน้าคน แต่เมื่อเห็นชื่อภาพและเป็นกลุ่มที่ดูงาน Cubism บ่อย ๆ ก็จะจับทางได้ และสามารถมองเห็นส่วนประกอบของใบหน้าได้ในทันที การดูงาน Cubism จึงมีความสนุกมากกว่างานแนวอื่นเช่นนี้เอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี