สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทย ร่วมกับ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย จัดโครงการพัฒนาชมรมอาสายุวกาชาดด้วยมหกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ณ โรงแรมสุโขทัย เทรเชอร์ รีสอร์ทแอนด์สปา อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
ศาสตราภิชาน นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย
ฐิติพร ศิริโกศ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย
โครงการพัฒนาชมรมอาสายุวกาชาดด้วยมหกรรมบำเพ็ญประโยชน์ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเครือข่ายอาสายุวกาชาดและอาสาสมัครสภากาชาดไทยในการขับเคลื่อนภารกิจทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉินอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างกิจกรรมเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืนของโครงการ โดยมีกิจ กรรมการบรรยายให้ความรู้ด้านสุขภาพ การบริหารจัดการชมรม ตลอดจนกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อพัฒนาทักษะการจัดการกิจกรรมอาสาสมัครกาชาด เพื่อยกระดับความรู้ความเข้าใจ สร้างแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม และการปลูกฝังจิตสำนึกในการบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการกาชาดสากลและเจตนารมณ์ของสภากาชาดไทย โดยมี ฐิติพร ศิริโกศ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย ร่วมให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมโครงการอย่างอบอุ่น พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย คณะผู้บริหารและบุคลากรจากหน่วยงานสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยกว่า 23 หน่วยงาน รวมจำนวน 236 คน
สุนันทา ศรอนุสิน ผู้อำนวยการ สนง.ยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด
โอกาสนี้ ศาสตราภิชาน นายแพทย์พินิจ กุลละวณิชย์ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ประธานในพิธี ให้เกียรติบรรยายในหัวข้อ สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค เพื่อเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และให้เกิดความตระหนักรู้ถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ที่เป็นปัจจัยต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อ ให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดูแลตัวเองและนำไปขยายผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนได้ โดยกล่าวว่า "หัวใจสำคัญของการดำเนินโครงการพัฒนาชมรมอาสายุวกาชาดฯ คือ การส่งเสริมให้เครือข่าย อาสายุวกาชาดและอาสาสมัครสภากาชาดไทย สามารถขับเคลื่อนภารกิจของสภากาชาดไทยทั้งในยามปกติและในยามฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค ขจัดภัยตามปณิธานของสภากาชาดไทย และมุ่งหวังให้อาสาสมัครดำเนินตามหลักการกาชาด 7 ประการ โดยยึดประโยชน์สูงสุดของมนุษยชาติ และสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ยังได้ทิ้งท้ายเชิญชวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมร่วมขับเคลื่อนการเป็นจิตอาสาด้วยการบริจาคโลหิต ดวงตา และอวัยวะ เพื่อต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ และตอกย้ำเจตนารมณ์ที่ว่า “การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือ การให้แม้ในยามที่เราไม่อยู่แล้ว” อาสาสมัครสภากาชาดไทยที่ทุ่มเทปฏิบัติงานจิตอาสาในส่วนภูมิภาค คือ หัวใจสำคัญของการทำงานเพื่อสังคม สภากาชาดไทยเชื่อมั่นว่าพลังของจิตอาสาทุกท่านจะสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง"
จากนั้น สุนันทา ศรอนุสิน ผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด บรรยายในหัวข้อ “แนวทางในการบริหารและขับเคลื่อนชมรมอาสายุวกาชาด” เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและแนวทางในการขับเคลื่อนชมรมอาสายุวกาชาด สำหรับหน่วยงานและสถานศึกษาในจังหวัดสุโขทัย โดยสุนันทา ศรอนุสิน ได้ให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop): เพื่อเรียนรู้วิธีการขับเคลื่อนกิจกรรมของชมรมอาสายุวกาชาด ทั้งการวางแผนออกแบบกิจกรรม การติดตาม และประเมินผล เพื่อให้การดำเนินงานของชมรมอาสายุวกาชาดดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีทิศทางในการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาชุมชนต่อไป
ผลจากการจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ อาสายุวกาชาดสามารถคิดออกแบบกิจกรรมใหม่ได้ถึง 27 กิจกรรม ที่ตรงกับความต้องการของเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้เปราะบาง อันเป็นเป้าหมายของสภากาชาดไทยที่หวังจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนดังกล่าว และที่สำคัญคือ การใช้ฐานจากระบบสารเทศสภากาชาดไทย (VTRIS) ให้เป็นระบบ ผลักดันให้เกิดกิจกรรมและนำไปสู่การปฏิบัติงานจริงของอาสาสมัครอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี