การท่องเที่ยวไต้หวันยังคงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย โดยในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเยือนไต้หวันมากถึงเกือบ 400,000 คน และในปี 2025 สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยให้ทะลุ 450,000 คน ผ่านการเปิดตัวแคมเปญใหม่ “ไต้หวันมะ — Taiwan(na) go with me?” พร้อมเชิญ “อาเล็ก–ธีรเดช เมธาวรายุทธ” นักแสดงสุดฮอตจากช่อง 3 มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ จัดกิจกรรมแน่นตลอดทั้งปี รวมถึงอีเวนท์ใหญ่ช่วงปลายปี นั่นคืองานแฟนมีตติ้งต่างประเทศครั้งแรกของ อาเล็ก ธีรเดช ที่ไทเป ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
สโลแกนที่ไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือการลงมือทำจริง
ซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า สำนักงาน ฯ ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไต้หวันในตลาดไทย ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างการรับรู้แบรนด์ การร่วมมือกับสื่อ พัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวร่วมกับภาคธุรกิจ ไปจนถึงความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่
“เราไม่ได้แค่โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวของไต้หวัน แต่ต้องเข้าใจความต้องการของนักท่องเที่ยวไทย อย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์และตรงใจคนไทย” - ซินดี้ เฉิน กล่าว
เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 2025 คุณซินดี้กล่าวว่า สโลแกน ‘ไต้หวันมะ’ ไม่ใช่แค่คำโปรย แต่คือการลงมือทำจริง คุณซินดี้ย้ำว่า สโลแกนนี้มีความหมายที่เข้าถึงใจคนไทย เป็นเหมือนคำชักชวนที่เป็นกันเองว่า “ไปเที่ยวไต้หวันด้วยกันไหม?”
สำหรับแผนกิจกรรมตลอดปี 2025 เรียกได้ว่าจัดเต็มอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่การพาคุณอาเล็ก ธีรเดชไปถ่ายทำภาพยนตร์สั้นโปรโมตใน 6 เมืองไต้หวัน พร้อมจัดงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ในเดือนมกราคม ตามด้วยการเข้าร่วมงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” ระหว่างวันที่ 16-19 มกราคม และอีเวนท์ Taiwan Day เทศกาลอาหารและท่องเที่ยวไต้หวันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ต่อจากนี้ยังมีอีกหลายกิจกรรมรออยู่ โดยในเดือนกันยายนจะมีงาน Taiwan Travel Fair ที่ Emsphere และไฮไลต์ประจำปีคือ “งานแฟนมีตอาเล็ก ธีรเดช” ที่จะจัดขึ้นที่ไทเป ในวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่อาเล็กจัดแฟนมีตในต่างประเทศด้วย
พรีเซ็นเตอร์ที่ใช่ ดันการท่องเที่ยวไต้หวันแบบจัดเต็ม
อาเล็ก ธีรเดช เป็นนักแสดงหนุ่มขวัญใจชาวไทยจากช่อง 3 เขาจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมราว 5 ล้านคน ได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์การท่องเที่ยวไต้หวันประจำปี 2025 ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีทองของเขาอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะได้ร่วมงานกับการท่องเที่ยวไต้หวันแล้ว ผลงานละครเรื่อง “สายรักสายเลือด” ที่เพิ่งออกอากาศจบไปก็ได้รับความนิยมถล่มทลาย
ซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ เปิดเผยถึงเหตุผลที่เลือกอาเล็ก ธีรเดช ว่า “คุณอาเล็กเป็นนักแสดงที่มีภาพลักษณ์ดี เป็นกันเอง และเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย แถมยังมีคาแรกเตอร์สดใส ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไต้หวันอย่างมาก” ไม่เพียงเท่านั้น อาเล็กยังชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ “เขาเดินทางบ่อย ทั้งไปคนเดียว พาครอบครัว หรือแฟนไปด้วย ทำให้เขาเข้าใจนักท่องเที่ยวประเภทต่างๆ ได้ดี ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยว Solo, ครอบครัว และคู่รัก ซึ่งตอบโจทย์ตลาดของเราอย่างมาก”
“ยิ่งไปกว่านั้น คุณอาเล็กเคยมาไต้หวันหลายครั้งก่อนจะได้รับเลือกเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และมีความผูกพันกับที่นี่อยู่แล้ว เขาชอบอาหาร วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวของเราอย่างแท้จริง และเมื่อเขาพูดถึงไต้หวัน ผู้ชมก็จะสัมผัสได้ถึงความจริงใจ”
ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์การท่องเที่ยวไต้หวัน อาเล็กไม่ได้แค่ร่วมถ่ายทำภาพยนตร์โปรโมตเท่านั้น แต่ยังเลือกมาเที่ยวไต้หวันเองหลายรอบ รวมถึงเดินทางไปยังสถานที่ลับที่แม้แต่คนไต้หวันเองยังไม่เคยไป เช่น หมาจู่ (Matsu) พร้อมทำ Vlog เล่าประสบการณ์เที่ยวไต้หวันในแบบฉบับของเขา ซึ่งไม่เพียงได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนชาวไทย แต่ยังทำให้ชาวไต้หวันเองก็เซอร์ไพรส์ในมุมมองใหม่ของบ้านตัวเองอีกด้วย
“ผมเคยไปไต้หวันมาแล้ว 5 ครั้ง ทั้งไทเป ไถจง เกาสง รวมถึงหมาจู่ ส่วนตัวชอบเกาสงมาก โดยเฉพาะแถบเกาะฉีจิน เพราะมีชายหาดให้ปั่นจักรยาน จิบกาแฟ กินของอร่อย คือครบจบในที่เดียว” อาเล็กกล่าวพร้อมเสริมว่า “ผมชอบค้นพบสถานที่ใหม่ ๆ และอยากแชร์สิ่งดี ๆ เหล่านั้นให้คนอื่นรู้จักด้วย นี่คือสิ่งที่ผมรัก และยิ่งได้ทำในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ก็ยิ่งรู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุข”
จากสถานที่ สู่ความรู้สึกดี ๆ ในไต้หวัน
นอกจากจะเป็นนักแสดงมากความสามารถแล้ว อาเล็กยังทำช่อง YouTube รีวิวเรื่องกินเที่ยวอีกด้วย เขาเป็นสายกินตัวยง โดยเฉพาะอาหารไต้หวัน เพราะเคยทำคอนเทนต์รีวิวกินทั่วตลาดกลางคืนชื่อดังของเกาสงอย่าง “ตลาดนัดกลางคืนลิ่วเหอ” มาแล้ว
เมนูที่เขายกให้เป็นของโปรดและห้ามพลาดเมื่อมาไต้หวัน ได้แก่ ข้าวหน้าหมูพะโล้, เต้าหู้เหม็น, ไก่อบโอ่ง และข้าวปั้นไต้หวัน โดยเฉพาะ “ไก่อบโอ่ง” ที่เนื้อนุ่มฉ่ำ จนเขาบอกว่ายังจำความอร่อยได้ไม่ลืม
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ อาเล็กได้เล่าถึงประสบการณ์สุดท้าทายที่ต้องลองกิน “อัณฑะไก่” ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์สั้นโปรโมตการท่องเที่ยวไต้หวัน เขาเผยว่า “ตอนเห็นบทครั้งแรกก็ตกใจเล็กน้อย แต่พอได้ลองจริง ๆ กลับพบว่าทำได้สะอาดมาก ทั้งรสชาติและสัมผัสก็แปลกใหม่และน่าสนใจ” พร้อมแนะนำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเปิดใจลองอะไรใหม่ ๆ ด้วย
ไม่เพียงแค่อาหารเท่านั้น “ความอบอุ่นและน้ำใจของคนไต้หวัน” ก็เป็นสิ่งที่อาเล็กประทับใจไม่แพ้กัน “วัฒนธรรมของไต้หวันกับไทยค่อนข้างคล้ายกัน ทำให้คนไทยเที่ยวไต้หวันได้ง่าย ไม่รู้สึกแปลกแยก และคนไต้หวันก็ใจดีมาก พร้อมเข้ามาช่วยเหลือตลอด”
อาเล็กยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงมือสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง “ผมอยากพาเพื่อนชาวไทยออกเดินทางไปค้นหาไต้หวันอีกด้าน ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก ทั้งสถานที่ลับ ๆ และของกินท้องถิ่นแบบไม่ซ้ำใคร ทุกอย่างในทริปนี้ผมเป็นคนวางแผนเองทั้งหมด โดยแค่ขอข้อมูลจากทีมงานเล็กน้อย เพราะอยากให้ทุกอย่างออกมา ‘เรียล’ ที่สุด เพื่อให้คนไทยเห็นว่าไต้หวันเที่ยวไม่ยากเลยครับ”
ไฮไลต์แห่งปี! อาเล็กจัดแฟนมีตที่ไทเป พร้อมโชว์ร้องเพลงจีนครั้งแรก
งานแฟนมีตของ อาเล็ก ธีรเดช ที่ไทเป ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์แห่งปี เพราะจะเป็นครั้งแรกที่ อาเล็ก ธีรเดช จัดงานแฟนมีตในต่างประเทศ พร้อมขึ้นเวทีร้องเพลงจีนครั้งแรก สร้างความตื่นเต้นทั้งตัวเขาเองและแฟน ๆ อย่างมาก
ด้วยกระแสความนิยมของอาเล็ก งานนี้จึงเป็นโอกาสทองที่จะเชิญชวนแฟนคลับชาวไทยบินตรงสู่ไต้หวันเพื่อร่วมงานแฟนมีตสุดพิเศษ พร้อมสัมผัสเสน่ห์ของไต้หวันในมุมที่ต่างออกไป “นักท่องเที่ยวยุคใหม่เริ่มมองหาประสบการณ์เฉพาะตัว ไม่ต้องการแค่ทัวร์สำเร็จรูปอีกต่อไป” คุณซินดี้ เฉิน กล่าว พร้อมเสริมว่า “แพ็คเกจทัวร์แฟนมีตอาเล็กที่ไต้หวัน” ที่เปิดตัวในครั้งนี้ คือประสบการณ์พิเศษที่รวมการเที่ยวเชิงลึกและการเจอศิลปินที่รักไว้ด้วยกัน ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นคือ การที่อาเล็กจะร้องเพลงจีนครั้งแรกในงานนี้ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและให้ความสำคัญกับแฟนมีตนี้อย่างแท้จริง พร้อมทั้งเพิ่มสีสันและกระแสให้กับกิจกรรมนี้อย่างมากอีกด้วย
เป้าหมายอนาคต ปลุกกระแสเที่ยวไต้หวันให้แรงในไทยอีกครั้ง
เมื่อพูดถึงพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปยังไต้หวันในช่วงหลัง คุณซินดี้ เฉิน สังเกตว่า นักท่องเที่ยวไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์เชิงลึก” และ “จุดเช็กอินถ่ายรูป” มากขึ้น ไม่ได้ต้องการแค่เที่ยวแบบเร่งรีบหรือเดินผ่านไปเท่านั้น ความสนใจในด้านอาหารท้องถิ่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทาง
เพื่อรับมือกับแนวโน้มนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันจึงเดินหน้าร่วมมือกับสื่อต่าง ๆ และผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งยังใช้ทรัพยากรต่างๆจาก “Tourism Circle” และ “Taiwan Tourism 100 Spotlights” ในการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่คนไทยยังไม่รู้จัก พร้อมทั้งพัฒนาทริปเฉพาะทาง เช่น เส้นทางไหว้พระ, ทัวร์ชิมอาหารมิชลิน บิบ กูร์มองด์ และการท่องเที่ยวทางเรือ เพื่อให้คนไทยหลงรักไต้หวันจนอยากกลับมาอีกครั้ง
แม้ปีนี้จะเจอความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้คนไทยระมัดระวังในการวางแผนเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น แต่คุณซินดี้ เฉิน ก็ยืนยันด้วยท่าทีเชิงบวกว่า “เราจะเดินหน้าทำให้ดีที่สุด”
‘ไต้หวันมะ’ ไม่ใช่แค่คำทักทาย แต่คือคำเชิญชวนและการลงมือทำจริง เราจะใช้กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ เพื่อกระตุ้นให้เพื่อนชาวไทยเดินทางมาสัมผัสเสน่ห์ของไต้หวัน และร่วมกันสร้างกระแสใหม่ให้กับการท่องเที่ยวไต้หวัน คุณซินดี้ เฉิน กล่าวทิ้งท้าย
เมื่อกิจกรรมใหญ่ช่วงครึ่งปีหลังใกล้เปิดฉาก ความร่วมมือระหว่างสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันและ อาเล็ก ธีรเดช ที่ผสานประสบการณ์จริงกับพลังของคนดัง กำลังเปิดมิติใหม่ให้การโปรโมตท่องเที่ยว พร้อมจุดกระแส “ไต้หวันฟีเวอร์” ในไทยให้ลุกเป็นไฟ
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี